ไทยรอสหรัฐตอบกลับ ยันไม่ลดภาษี 0% ทุกรายการ ปกป้องเอกชน-เกษตรกรไทย

ไทยรอสหรัฐตอบกลับ ยันไม่ลดภาษี 0% ทุกรายการ ปกป้องเอกชน-เกษตรกรไทย

ไทยรอสหรัฐตอบกลับ หลังยื่นข้อเสนอเเพิ่มเติมกับ USTR ยันไม่ลดภาษีให้ 0% ทุกรายการ ปกป้องเอกชน-เกษตรกรในประเทศ

KEY

POINTS

  • ไทยกำลังรอการตอบกลับจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อเสนอทางการค้าที่ยื่นไป
  • รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ยอมลดภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการเป็น 0% เพื่อปกป้องเศรษฐกิจในประเทศ
  • จุดยืนนี้มีขึ้นเพื่อปกป้องภาคเอกชนและเกษตรกรไทย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรที่มีความอ่อนไหว
  • หากยอมลดภาษี 0% ให้สหรัฐจะต้องลดให้ประเทศคู่ค้าอื่นด้วย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อธุรกิจในประเทศ

วันที่ 21 ก.ค.2568 ที่กระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐว่า กระบวนการในขณะนี้เป็นการทำงานในระดับปฏิบัติการซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยอัปเดตตัวเลขกันเล็กน้อย หลังจากที่ทีมไทยแลนด์ได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ไปเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา 

เมื่อถามว่าจะมีการนัดหมายเจรจากันครั้งถัดไปเมื่อไหร่ นายพิชัย กล่าวว่า ยังครับ ต้องรอการตอบกลับจากสหรัฐ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวทางการเจรจาของไทยจะไม่รับข้อเสนอที่ต้องเปิดตลาดทั้งหมดให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐ เหมือนกับที่ประเทศอื่นๆ ซึ่งบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐแล้วทำ เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในประเทศ

ยกตัวอย่างเวียดนามที่บรรลุข้อตกลงได้ภาษีส่งออกไปสหรัฐ 20% ส่วนนำเข้า 0% นั้น ไม่ได้จบแค่การเปิดตลาดให้สหรัฐเท่านั้น เนื่องจากข้อตกลงระหว่างประเทศ ตามหลักการชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์สูงสุด (Most-Favored Nation) หมายความว่าเวียดนามจะต้องเปิดตลาดอย่างเท่าเทียมให้กับประเทศคู่ค้าที่ทำข้อตกลง FTA ด้วย

ทั้งนี้ ในการทำข้อตกลงสนธิสัญญาการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้า มีสินค้าหลายตัวที่ไทยยังจำกัดการนำเข้าเพื่อปกป้องเอกชนและเกษตรกรไทย ดังนั้นหากยอมลดภาษี 0% ให้ประเทศหนึ่ง ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาว่าจะต้องลดให้ประเทศอื่นที่เป็นคู่ค้า

”หากยอมลดภาษี 0% ให้ประเทศหนึ่งก็จะต้องลดให้ประเทศอื่นที่เป็นคู่ค้าเราเช่นเดียวกัน จะทำให้เกิด ‘เขื่อนแตก’ เกิดความเสียหายกับธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีความอ่อนไหว“ นายจุลพันธ์กล่าว

ทั้งนี้ ข้อตกลงในการเจรจาภาษีกับสหรัฐ ไทยยืนอยู่บนหลักการที่อยากให้ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย หากมีฝ่ายหนึ่งที่ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว หรืออีกฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งหมดก็คงตกลงกันไม่ได้

”เรารอเวลานิดนึง ให้เขา (สหรัฐ) พิจารณาข้อเสนอ แล้วตอบกลับมาก่อนว่าสุดท้ายจะจบที่ตรงไหน แต่เรายืนยันว่าข้อตกลงใหม่ต้องมีความสมดุล เอกชนไทยต้องอยู่ได้ กลุ่มเปราะบางอย่างภาคเกษตรต้องอยู่ได้“

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ข้อเสนอใหม่ที่ไทยเสนอให้สหรัฐมีการลดภาษีให้เหลือ 0% หลายหมื่นรายการ นั้น ไม่ต้องตกใจเป็นเพียงตัวเลขพิกัดศุลกากร หากนับเป็นประเภทสินค้าก็ไม่ได้มีจำนวนมากขนาดนั้น 

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทิศทางการค้าโลกต้องเกิดขึ้น ไม่มีทางที่โลกจะย้อนกลับไปอยู่จุดเดิมก่อนที่ทรัมป์จะประกาศภาษีอีกแล้ว ต่อให้สหรัฐจะเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีต่อไปหรือไม่ ดังนั้นภาคเอกชนจะต้องปรับตัว โดยรัฐบาลมีหน้าที่ให้การสนับสนุน

เบื้องต้น รัฐบาลเตรียมซอฟต์โลน วงเงิน 2 แสนล้าน  ให้กับภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบสามารถเดินหน้าต่อ และประคองการจ้างงานต่อไปได้ 

นอกจากนี้ ไทยยังต้องเตรียมการปรับตัวด้านการส่งออกที่จะต้องขยายไปยังตลาดใหม่และลดการพึ่งพาตลาดประเทศใดประเทศหนี่งเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาทิศทางการค้าโลกที่เปลี่ยนไปหลังจากนี้ ซึ่งอาจมีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงเวลาวิกฤติ หากไทยมองเห็นสามารถคว้าโอกาสนี้มาได้ก็จะเกิดประโยชน์กับประเทศ

ขณะเดียวกัน ไทยต้องกลับมาพิจารณาการลงทุนภายในประเทศ โดยสินค้าที่ไทยผลิตเองจะต้องให้ความสำคัญลำดับต้น ส่วนสินค้าที่เข้ามาใช้สิทธิประโยชน์และยังก้ำกึ่งว่าถิ่นฐานการผลิตจากประเทศไทย สัดส่วน Local Content เพียงพอหรือไม่