ราคาน้ำมันดิบ ทรงตัว แม้อียูออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่

ราคาน้ำมันดิบ ทรงตัวในวันศุกร์ หลังข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ชัดเจนลบล้างผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ของสหภาพยุโรป
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบ ล่วงหน้าทรงตัวในวันศุกร์ (18 ก.ค.) เนื่องจากข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ชัดเจนชดเชยความกังวลว่ามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งล่าสุดของสหภาพยุโรปต่อสงครามในยูเครนอาจทำให้อุปทานน้ำมันลดลง
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ล่วงหน้าลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.3% สู่ระดับ 69.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ เวลา 14:32 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตของสหรัฐฯ (ราคาน้ำมันWTI) ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2% สู่ระดับ 67.38 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่งผลให้ ดัชนีราคาน้ำมันดิบ ทั้งสองตัวมีแนวโน้มลดลงประมาณ 1% ในสัปดาห์นี้
ที่สหรัฐอเมริกา การก่อสร้างบ้านเดี่ยวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนในเดือนมิถุนายน เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยจำนอง ที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเป็นอุปสรรคต่อการซื้อบ้าน ซึ่งบ่งชี้ว่าการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยหดตัวอีกครั้งในไตรมาสที่สอง
อย่างไรก็ตาม รายงานอีกฉบับหนึ่งระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นในเดือนกรกฎาคม ขณะที่การคาดการณ์ อัตราเงินเฟ้อ ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ย ลงได้ง่ายขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการทำให้ผู้บริโภคกู้ยืมเงินได้ในราคาที่ถูกลง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นก็น่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการพลังงานด้วยเช่นกัน
ตลาดไม่เชื่อมาตรการลดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียจะได้ผล
ด้านยุโรป สหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับ มาตรการคว่ำบาตร ครั้งที่ 18 ต่อรัสเซียในประเด็นสงครามในยูเครน ซึ่งรวมถึงมาตรการที่มุ่งโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันและพลังงานของรัสเซียเพิ่มเติม
นักการทูตสหภาพยุโรปกล่าวว่า สหภาพยุโรปจะกำหนดเพดาน ราคาน้ำมันดิบรัสเซีย ให้ต่ำกว่าราคาตลาดเฉลี่ย 15% โดยมีเป้าหมายที่จะปรับลดเพดานราคาน้ำมันดิบที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแทบจะไม่มีประสิทธิภาพ ที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้ง 7 ประเทศ (จี-7) พยายามบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565
“มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ครั้งใหม่จากสหรัฐฯ และยุโรปในสัปดาห์นี้ ไม่ได้รับการตอบสนองจากตลาด” นักวิเคราะห์จากแคปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าวในบันทึก “นี่สะท้อนให้เห็นถึงความสงสัยของนักลงทุนที่สงสัยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะทำตามคำขู่ของเขาหรือไม่ และเชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของยุโรปจะไม่ได้ผลมากกว่าความพยายามครั้งก่อนๆ”
“เราคาดว่าปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์ที่อ่อนแอจะหวนกลับมาอีกครั้งในปีนี้ และจะผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงเหลือ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ภายในสิ้นปี” แคปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าว
การห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมรัสเซีย
สหภาพยุโรปจะไม่นำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมใดๆ ที่ผลิตจากน้ำมันดิบรัสเซียอีกต่อไป แม้ว่าการห้ามจะไม่ครอบคลุมการนำเข้าจากนอร์เวย์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสวิตเซอร์แลนด์ นักการทูตสหภาพยุโรปกล่าว
คายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่าสหภาพยุโรปได้กำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันรอสเนฟต์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรนี้
ข้อมูลจาก Kpler ระบุว่า อินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียรายใหญ่ที่สุด ขณะที่ตุรกีเป็นประเทศอันดับสาม
ยุโรปผลิตน้ำมันดีเซลและเชื้อเพลิงเครื่องบินน้อยกว่าปริมาณการใช้ ทำให้ยุโรปต้องพึ่งพาการนำเข้าจากภูมิภาคอื่นๆ
การห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์กลั่นของสหภาพยุโรปเหล่านี้ช่วยกระตุ้นราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันแก๊สออยล์ล่วงหน้าของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปให้สูงขึ้น
ในสหรัฐอเมริกา ราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับราคาน้ำมันดีเซลพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ (Crack Spread) เป็นตัววัดอัตรากำไรจากการกลั่น
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดกังวลว่าจะสูญเสียอุปทานน้ำมันดีเซลให้กับยุโรป เนื่องจากอินเดียเคยเป็นส่งน้ำมันดีเซลให้” จานิฟ ชาห์ รองประธานฝ่ายตลาดน้ำมันของ Rystad Energy กล่าว
ข่าวอื่นๆ เชฟรอน บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ปิดดีลเข้าซื้อกิจการบริษัทพลังงานของสหรัฐฯ มูลค่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ หลังจากชนะคดีความสำคัญกับเอ็กซอน โมบิล คู่แข่งรายใหญ่ของสหรัฐฯ เพื่อเข้าถึงแหล่งน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษนอกชายฝั่งกายอานา







