'เศรษฐา' ชี้เศรษฐกิจไทยไม่ถึงทางตัน หนุนลดดอกเบี้ย-ดึงบาทอ่อน

'เศรษฐา' ชี้เศรษฐกิจไทยไม่ถึงทางตัน หนุนลดดอกเบี้ย-ดึงบาทอ่อน

“เศรษฐา” ชี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงทางตัน มีจุดแข็งหลายข้อดึงดูดการลงทุน หวังแบงก์ชาติดูแลค่าบาทให้อ่อนค่าลง กระทุ้งลดดอกเบี้ย ชี้ผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่เป็นมืออาชีพ

KEY

POINTS

  • “เศรษฐา” ชี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น แต่ยังไม่ถึงทางตัน
  • มีจุดแข็งหลายข้อดึงดูดการลงทุน และอยู่อาศัยของต่างชาติ
  • หวังแบงก์ชาติดูแลค่าบาทให้อ่อนค่าลง กระทุ้งลดดอกเบี้ย
  • ชี้ผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่เป็นมืออาชีพ เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในตอนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ จะพอเห็นสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศได้ชัดเจนขึ้น อย่างเวียดนามในไตรมาสที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโตประมาณ 7.2% ขณะที่ไทยอยู่ที่ประมาณ 2- 2.5% ซึ่งยังไม่ได้รวมกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ โดยที่ในขณะนี้ก็ยังมั่นใจว่าทีมเจรจาของไทยจะสามารถเจรจาแล้วได้อัตราภาษีใกล้เคียงกับเวียดนาม ซึ่งก็จะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ในเรื่องของผลกระทบในเรื่องของภาษีสหรัฐ เราก็คงต้องแก้ไขกันไป แต่ในเรื่องที่ต้องมีการแก้ไข เช่น ในเรื่องของค่าเงินบาทที่ส่วนตัวมองว่ายังแข็งค่ามากเกินไป โดยในส่วนของค่าเงินบาทของไทยในตอนนี้แข็งค่า และไม่สอดคล้องกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจทำให้การส่งออกมีปัญหา เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่เป็นคู่แข่ง เช่น เวียดนามที่ค่าเงินอ่อนค่าลงกว่า 10% ทำให้เราเป็นรองประเทศในภูมิภาค

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในเรื่องของมาตรการทางการเงินในขณะนี้ถือว่ายังดูแลเศรษฐกิจไม่พอ ในเรื่องของดอกเบี้ยนโยบายนั้นน่าจะปรับลดลงมาอีก ขณะที่นโยบายทางภาษีที่เป็นนโยบายทางการคลังนั้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มาดูแลเศรษฐกิจไทยได้ เช่น ที่มีข่าวว่าจะมีการพิจารณาลดภาษีของเงินปันผลจากหุ้นเพื่อกระตุ้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือว่าในเรื่องของการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคนที่มีความสามารถจากต่างประเทศที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาเพื่อดึงดูดให้คนเก่งเข้ามาทำงานในประเทศไทย

“ค่าเงินบาทของไทยนั้นสามารถอ่อนค่าลงได้อีก ผมว่า 37 บาทต่อดอลลาร์ ก็ยังได้อยู่ ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายผมก็ชัดเจนมาตลอดว่าลดลงได้ เพราะเงินเฟ้อเราก็ไม่ได้มีปัญหา ซึ่งดอกเบี้ยนั้นผมว่าเรายังลดได้อีก” นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับรายชื่อของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันอังคารหน้า (22 ก.ค.68) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็คงจะตัดสินแล้วว่าเป็นใครทั้งสองรายชื่อ ที่เข้ามาในรอบสุดท้ายนั้นมีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครที่ได้รับการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่คงจะตระหนักดีในปัญหาเศรษฐกิจของประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าเงิน เรื่องของดอกเบี้ย เรื่องของเสถียรภาพการเงินทั้งหลาย

 ขณะที่เรื่องของขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็ต้องมีการปรับปรุง เช่น เรื่องของท่องเที่ยวก็ต้องมีการแก้ไขนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยลดลง ซึ่งไม่ใช่ว่าท่องเที่ยวเราไม่มีเสน่ห์ แต่ว่ามีปัญหาเรื่องความปลอดภัย คนจีนอาจรู้สึกไม่สบายใจที่มาเที่ยวไทยแล้วถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแท็กซี่ เรื่องของไกด์ ซึ่งต้องให้ความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ เช่น การติดตั้งกล้อง ใช้ระบบ AI เข้ามาช่วย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถแก้เกมได้อยู่

บวกกับเรื่องของมาตรการกระตุ้นที่ต้องมีการใช้ เว็บจองออนไลน์ล่วงหน้า (Online Travel Agency) หรือการให้สิทธิประโยชน์จูงใจกับเครื่องเหมาลำ (Charter Flight) ที่พานักท่องเที่ยวเข้ามา หรือปรับปรุงสนามบิน หรือมาตรการคนละครึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยวนั้นก็จะช่วยเศรษฐกิจ

เช่นเดียวกับมาตรการสนับสนุนการลงทุนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่าน พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน (financial hub) ที่จะทำให้มีการลงทุนในประเทศไทย และย้ายถิ่นฐานเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น รวมทั้งการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการลงทุน

 “เศรษฐกิจของประเทศไทยมีปัญหาแต่ถามว่าถึงทางตันหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าไม่ คนไทยเราต้องมีความหวัง และทำให้ประเทศเราแข่งขันให้ได้ วันนี้ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ประเทศไทยยังมีจุดแข็งอยู่ เพียงแต่ว่าการขับเคลื่อนนโยบายหลายอย่างต้องใช้เวลา วันนี้ประเทศไทยยังมีเสน่ห์เหนือหลายประเทศในอาเซียน ซึ่งเรามีจุดขายหลายอย่าง เช่น โรงเรียนนานาชาติ สถานที่ท่องเที่ยว โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง อินเทอร์เน็ต 5G และเรื่องของสนามบินนานาชาติ เรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม รวมทั้งเรื่องของค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินไป” นายเศรษฐา กล่าว  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์