เผ่าภูมิ เผยคลังเตรียมอัดมาตรการการเงิน - การคลัง ดูแลผู้ส่งออก

“เผ่าภูมิ"เผยคลังเตรียมอัดมาตรการการเงิน - การคลัง ดูแลผู้ส่งออก เพิ่มกำลังซื้อในประเทศยันทีมไทยแลนด์เจรจาสหรัฐให้ได้ดีลที่ดีที่สุด คาดไทยได้ภาษีต่ำกว่าเวียดนาม
KEY
POINTS
- “เผ่าภูมิ"เผยคลังเตรียมอัดมาตรการการเงิน - การคลัง ดูแลผู้ส่งออกรับผลกระทบภาษีทรัมป์ - เพิ่มกำลังซื้อในประเทศ
- ยันทีมไทยแลนด์เจรจาสหรัฐให้ได้ดีลที่ดีที่สุด
- คาดไทยได้เกณฑ์ภาษีต่ำกว่าเวียดนามในส่วนสินค้า ตามเกณฑ์ RVC ของสหรัฐ
- ดันกม.ศูนย์กลางทางการเงินเพิ่มการลงทุน
วานนี้ (17 ก.ค.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในเวทีปลดล็อกอนาคตประเทศไทย ...สู้วิกฤตโลก (Unlocking Thailand’s Future) ในการเสวนาหัวข้อ “ปลดล็อกทุกข้อจำกัด สร้างความเข้มแข็งที่ยั่งยืน เพื่ออนาคตไทย” ว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้รัฐบาลได้เตรียมนโยบายเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงที่เหลือของปีนี้กระทรวงการคลังได้เตรียมทั้งมาตรการการเงิน และการคลัง เพื่อต้องดูแลซัพพลายเชนภาคส่งออก ไปจนถึงแรงงานในภาคการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ
โดยมาตรการที่ได้เตรียมไว้นั้นได้เตรียมไว้ทั้งในส่วนมาตรการทางการเงินและการคลัง โดยในส่วนของมาตรการทางการเงินได้มีการเตรียมซอฟท์โลนไว้จากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐประมาณ 2 แสนล้านบาท ที่เป็นสินเชื่อใหม่ โดยสินเชื่อนี้จะสนับสนุนการหาตลาดใหม่ๆ ให้สินเชื่อเพื่อสร้างแรงจูงใจ ในการหาตลาดใหม่ของผู้ส่งออกที่นอกเหนือจากสหรัฐ
ส่วนมาตรการ ที่ดูแลผู้ส่งออกผ่านมาตรการทางการคลัง นั้นรัฐบาลต้องดูแลในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงการคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยขณะนี้รัฐบาลผลักดันเรื่องของศูนย์กลางทางการเงิน ที่มีกฎหมายเตรียมที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในวาระที่ 1 ซึ่งจะสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางการเงินทั้งระบบของประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนให้การใช้เงินดิจิทัลเช่น คริปโตเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งจะเป็นเงินใหม่ที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งจะมีการปลดล็อกในส่วนนี้
สำหรับมาตรการอื่นๆนั้นต้องเน้นไปที่การแก้หนี้ให้กับประชาชน ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆรวมทั้งกระทรวงมหาดไทยในการแก้ปัญหาส่วนนี้ รวมทั้งส่งเสริมนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ที่ให้มีการเข้าไปสร้างเม็ดเงินใหม่ๆเพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับครัวเรือนด้วย
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อด้วยว่าในเรื่องการเจรจาภาษีกับสหรัฐในขณะนี้ทีมไทยแลนด์พยายามทำงานเพื่อดีลที่ดีที่สุดของประเทศ โดยในการเจรจาไม่ใช่ดูแค่อัตราภาษีที่เราจะถูกเรียกเก็บจากสหรัฐแต่ต้องดูองค์รวมว่าในการเจรจานั้นประเทศได้หรือเสียผลประโยชน์ในเรื่องอะไรบ้าง โดยในการเจรจานั้นสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือประเทศที่ได้ดีลที่สุดไม่ใช่ประเทศที่ได้อัตราภาษีที่น้อยที่สุดแต่ต้องดูว่าในเรื่องของอัตราภาษีที่ได้นั้นประเทศต่างๆนั้นกำลังจะเอาอะไรไปแลก ซึ่งต้องดูผลประโยชน์ทั้งหมดด้วย
ในส่วนของเวียดนามนั้นหลายคนบอกว่าได้อัตราภาษีที่ 20% แต่สิ่งที่ต้องแลกนั้นต้องมีอัตราภาษีที่ได้ 40% ด้วยซึ่งใช้สำหรับสินค้าที่ไม่ได้ตามเกณฑ์ ของสินค้าที่ไม่ได้ผลิตในภูมิภาค (RVC) ซึ่งส่วนใหญ่เวียดนามจะเสีย 40% ส่วนเศรษฐกิจของไทยนั้นมีซัพพลายเชนที่ยาว และลึกมากกว่าทำให้เราใช้สินค้าที่เป็น Local Content มากกว่า ซึ่งหากประเทศไทยต้องเสียภาษี 2 เรต ก็ต้องดูเงื่อนไขของการกำหนด RVC ว่ามีการกำหนดเท่าไหร่ด้วย







