“ทักษิณ” ลั่นอีก 3 เดือนไทยเปิดแซนด์บ็อกซ์ใช้คริปโทเคอร์เรนซี

 “ทักษิณ” ลั่นอีก 3 เดือนไทยเปิดแซนด์บ็อกซ์ใช้คริปโทเคอร์เรนซี

 “ทักษิณ” ลั่นอีก 3 เดือนไทยเปิดแซนด์บ็อกซ์ใช้คริปโทเคอร์เรนซี ใช้จ่ายได้ เหวังดึงคนรายได้สูงมาใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น มั่นใจดีลภาษีสหรัฐได้ผลดีทั้งสองฝ่าย

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย..สู่อนาคต ในเวทีปลดล็อกอนาคตประเทศไทย ...สู้วิกฤตโลก (Unlocking Thailand’s Future) จัดโดย อสมท.วันนี้ (17 ก.ค.) ตอนหนึ่งว่าได้คุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าในอีก 3 เดือนจะทำแซนด์บ็อกทั่วประเทศจากเดิมที่จะทำแค่ที่ภูเก็ต ให้สามารถใช้คริปโทเคอร์เรนซีมาใช้จ่ายได้ เช่น บิตคอยน์ อีเธอเรียม มาใช้ในการจับจ่ายได้ เช่น มาซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือสมมุติเอาไปใช้ในห้างสรรพสินค้า เช่น เซนทรัล ใช้จ่ายไป 500,000 บาท ก็สามารถรับเอาบิตคอยต์เปลี่ยนเป็นเงินบาทได้ทันที ก็จะไม่มีความกังวลเรื่องความผันผวนอะไร

“ทุกวันนี้ใครถือบิตคอยน์นั้นเป็นคนรวยหมด เพราะขึ้นมาหลายเท่าตัว การปลดล็อกตรงนี้จะทำให้มีเม็ดเงินใหม่ๆเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจได้มาก”

ทั้งนี้สินค้าในการเจรจากับสหรัฐจะมีทั้งในเรื่องสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยแล้วส่งไปสหรัฐ และสินค้าที่เป็นสินค้าสหรัฐที่มาตั้งในประเทศไทยมีการใช้เทคโนโลยีแล้วส่งกลับไปที่สหรัฐ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่มีปัญหาแต่ที่มีปัญหาเช่น  สินค้าเกษตร เอสเอ็มอี และอัญมณี เรากระทบบ้าง

สำหรับการเจรจานั้นก็มองว่าการนำสินค้าจากประเทศอื่นๆแล้วให้มาแข่งกันเองในประเทศไทยไม่เป็นไร เช่น เนื้อจากออสเตรเลีย มาแข่งกับสหรัฐ หรือที่สหรัฐอยากจะนำรถมอเตอร์ไซด์ฮาเล่เดวิสันเข้ามาขายก็ไม่เป็นอะไร  ทั้งหมดน่าจะเป็นข้อเสนอที่ตกลงใจกันได้

“คำว่าดีลไม่มีจบ ถ้ายังไม่พอใจก็ดีลกันต่อ ประเทศเขาใช้คำว่า Economy เป็นเรื่องเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการเจรจากันต่อไปเราหยุดได้ตรงนี้”

 

 

ในเรื่องการเจรจากับสหรัฐในเรื่องภาษีทีมไทยแลนด์กำลังเจรจากับในขณะนี้ นายกฯ(แพทองธาร ชินวัตร) นั่งกำกับไม่ให้เราเสียเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเกษตร หรือสินค้าอื่นๆ

นายทักษิณกล่าวว่า  จีดีพีของไทยนั้นโตต่ำกว่าศักยภาพ 22 – 75% สมมุติว่า 50% จีดีพีเรา600 พันล้านดอลลาร์ ควรจะ 900 พันล้านดอลลาร์ เราโตต่ำกว่าศักยภาพ นั้นทำให้เราไม่ถึงกลุ่มประเทศ G 20 เราบริหารแบบไม่ได้บริหารมานาน เราไม่ได้บริหารแบบมีศักยภาพ จึงตกมาอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก

ที่ผ่านมาประเทศไทยนั้นเรามีปัญหาในหลายด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ให้ความสำคัญกับการรักษาสถานะภาพของแบงก์พาณิชย์ เพราะกลัวแบงก์พาณิชย์จะพลาดไปแบบต้มยำกุ้ง ทำให้แบงก์พาณิชย์มีความเสี่ยงน้อยไม่พยายามจะเสี่ยง ธุรกิจก็เหนื่อย  อีกเรื่องคือการที่จีนส่งสินค้า ทุ่มตลาดโดยไม่ได้มาตรฐานไม่มีการขอ มอก. ไม่ผ่าน อย.

ส่วนเรื่องที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเราชะงักงันมานาน ก็คือเรื่องหนี้ครัวเรือนสูง ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดีมานาน ตั้งแต่โควิดมาถึง หลังโควิด หนี้สินของคนไทยสูงมาก ถ้าเราซื้อหนี้ประชาชนมาตั้งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ (AMC )ซึ่งทำให้ประเทศไทยเดินต่อได้ โดย AMC ต้องตั้งขึ้นมาใหม่ถ้าเอาไปรวมกับสถาบันการเงินจะไปต่อไม่ได้ ให้แยกออกมา เพราะมีเป้าหมายต่างกัน และซื้อหนี้ออกมา ทำให้คนไทยมีกำลังซื้อมากขึ้น