“ไทย-ญี่ปุ่น”ลุยต่อพลังงานสะอาดทุกรูปแบบอย่างรอบด้าน

ท่ามกลางความเห็นต่างต่อ“พลังงานสะอาด” ก็ยังมีหลายหน่วยงานที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่ต้องเดินหน้าต่อไป แม้อีกหลายหน่วยงานเช่นกันที่เข้าโหมดวางมือไปแล้ว
ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Japan-Thailand Energy Policy Dialogue ครั้งที่ 7 (7th JTEPD) ร่วมกับ Mr. Shinichi KIHARA, Director-General of Carbon Neutrality, Agency for Natural Resources and Energy, Ministry of Economy, Trade and Industry of Japan ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนนโยบายพลังงานระหว่างกัน ซึ่งมีแนวทางที่สอดคล้องกันในการมุ่งเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่ไปกับการพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงาน อาทิ CCUS ( Carbon Capture, Utilization, and Storage หรือการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน) ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย รวมถึง LNG ,พลังงานทดแทนและพลังงานชีวภาพ
การอนุรักษ์พลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ และ SMR (เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ (Small Modular Reactor: SMR) รวมถึงการติดตามความก้าวหน้าของคณะทำงานและข้อตกลงต่างๆ ระหว่างไทยและญี่ปุ่นเพื่อสนับสนุนการปรับใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยด้วย
“ไทยได้แสดงความสนใจที่จะผลักดันความร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้านการจัดหา การค้า และการขยายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ LNG เพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคนิคและการสร้างการยอมรับของภาคประชาชน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการเปิดรับพลังงานทางเลือกในอนาคต”
ในขณะที่ฝ่ายญี่ปุ่นให้ความสนใจมาตรการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของไทย อาทิ Direct PPA
(Direct PPA หรือ Direct Power Purchase Agreement คือสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน) , Solar rooftop ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นในไทย
ที่ประชุมยังเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนด้านพลังงานและสถาบันการเงินชั้นนำของไทยและญี่ปุ่น อาทิ มิตรผลไบโอฟูเอล, Toshiba, IHI, JCC, NEDO, JBIC, JERA, Toyota, Naturenix ฯลฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและแสวงหาโอกาสการผลักดันความร่วมมือ อาทิ Ultra-fast charging battery ,การผลิตโอเลฟินเบาสำหรับอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์, การส่งออกและนำเข้าเอทานอล รวมไปถึงกลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานของทั้งสองประเทศในอนาคต
นอกจากนี้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจและข้อตกลงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของไทยและญี่ปุ่นในด้านต่างๆอาทิ ข้อตกลงด้านการเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการด้านพลังงาน ,การศึกษาห่วงโซ่อุปทานไฮโดรเจนและแอมโมเนียเพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอนของไทย และกลไกการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนอีกด้วย
ทั้งนี้ ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 คณะผู้แทนจากไทยและญี่ปุ่นได้เข้าศึกษาดูงาน ณ PTT LNG Terminal หนองแฟบ จ.ระยอง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายจะได้เดินหน้าผลักดันความร่วมมือด้าน LNG เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของทั้งสองประเทศตามความเหมาะสมต่อไป
สำหรับ เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ หรือ SMR ปลัดกระทรวงพลังงาน ยังได้เป็นประธานในงานสัมมนา “Thailand 's SMR Energy Forum - A Global Dialogue on SMR Deployment” และได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “อนาคตของความมั่นคงทางพลังงาน” ซึ่งนับเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของประเทศไทยในปี 2608
การสัมมนาครอบคลุมประเด็นสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการนำ SMR มาใช้ในประเทศไทยในอนาคต ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีและการออกแบบ การจัดการเชื้อเพลิงและซัปพลายเชน การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยกฎระเบียบและการกำกับดูแล การลงทุน การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้าน SMR และการสร้างการยอมรับของ สังคม เป็นต้น







