สำนักงบฯ – สภาพัฒน์ แนะรถไฟฟ้า 20 บาท บูรณาการตั๋วร่วม - เน้นยั่งยืน

หลังครม.ไฟเขียวนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ระยะที่ 2 “สำนักงบประมาณ” และ “สภาพัฒน์” เสนอข้อพิจารณาเรื่องความพร้อม ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสาร สัญญาสัมปทาน ภาระงบประมาณ
KEY
POINTS
- ครม.ไฟเขียวนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ระยะที่ 2 “สำนักงบประมาณ” และ “สภาพัฒน์” เสนอแนะการดำเนินนโยบาย
- ให้ความสำคัญเรื่องความพร้อมของระบบ ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารในช่วงเวลาเร่งด่วน
- การบริหารสัญญาสัมปทาน และภาระงบประมาณระยะยาว
- พร้อมเน้นย้ำการบูรณาการระบบตั๋วร่วมและการประเมินผลความคุ้มค่าก่อนขยายผลต่อเนื่องในอนาคต
จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล (ระยะที่ 2) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2567 การดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าสายสีแดง จากกรอบเวลาสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ให้ทบทวนจากเดิมเป็นสิ้นสุดมาตรการถึงวันที่ 30 ก.ย. 2568
รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล (ระยะที่ 2) ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล เรื่อง การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล เพื่อรองรับนโยบาย “ค่าโดยสารราคาเดียว” ตลอดสาย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
โดยนโยบายนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการนโยบายนี้ถึงการดำเนินการ และความยั่งยืนในการดำเนินโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้งบประมาณในการอุดหนุนเป็นรายปี รวมทั้งในการดำเนินการจะต้องมีการเตรียมความพร้อมรองรับกรณีที่มีผู้โดยสารเพิ่มจำนวนมากขึ้นจากนโยบายนี้
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณได้มีความเห็นที่เป็นประโยชน์ที่เสนอให้กับที่ประชุม ครม.พิจารณาในนโยบายนี้ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
สศช.ให้ความเห็นว่า มาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาลในระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการที่กำหนดให้ประชาชนผู้ใช้บริการจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร ในอัตรา 20 บาทตลอดการเดินทาง เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชนและช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสาธารณะในราคาค่าโดยสารที่เข้าถึงได้
โดยการดำเนินมาตรการดังกล่าวควรยึดความสอดคล้องกับหลักการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะมาตรา 27และ 28 อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย คาดว่าภายหลังจากดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ 2 ในปี 2569จะมีผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 1.75 ล้านคน-เที่ยวต่อวัน เป็น 2.18 ล้านคน-เที่ยวต่อวัน
ขณะที่โครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตเมือง เช่น สายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และแอร์พอร์ต เรลลิงก์ มีบริมาณผู้โดยสารหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า – เย็น ซึ่งจะทำให้ระบบรถไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันเกิดปัญหาในการรองรับบริมาณผู้โดยสาร ที่เพิ่มขึ้นขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็นได้ และส่งผลกระทบต่อระดับการให้บริการ (Level of Service) ของรถไฟฟ้าในภาพรวม
แนะเร่งเจรจาหารือร่วมกับเอกชนคู่สัญญา
ดังนั้นจึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยเร่งเจรจาหารือร่วมกับเอกชนคู่สัญญาตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อระดับการให้บริการ (Level of Service) และการบริหารสัญญาสัมปทานให้ใด้ข้อยุติร่วมกัน เพื่อให้สามารถดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ 2 ได้โดยเร็ว
นอกจากนี้ในปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... ซึ่งเป็นกลไกการบริหาร จัดการระบบตัวร่วมในการขนส่งสาธารณะที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนให้หันมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและคาดว่า
จะสามารถประกาศใช้บังคับภายในปี 2568 ในขณะที่มาตรการที่เสนอในครั้งนี้มีแผนดำเนินการในบึงประมาณ พ.ศ. 2569 แต่ยังมีกลไกและวิธีการที่แตกต่างจากที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....
ดังนั้นจึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อน ระบบตั๋วร่วมที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ....โดยเฉพาะโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม มาตรฐานทางเทคโนโลยีและรูปแบของระบบบัตรโดยสารร่วม รวมถึงการพัฒนาระบบบ ศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House : CCH) เพื่อให้การพัฒนาระบบตัวร่วมของระบบขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทาง และสามารถสนับสนุนเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมืองตามที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ภายในปี 2570 ภายใต้แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น 7 โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล
สำนักงบฯแนะปรับวิธีคำนวณงินชดเชยการขาดรายได้ตามส่วนต่างค่าโดยสาร
สำนักงบประมาณ มีข้อเสนอแนะว่า เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานครพิจารณาทบทวนแนวทางและ วิธีการคำนวณเงินชดเชยการขาดรายได้ส่วนต่างค่าโดยสาร โดยคำนวณเฉพาะการเดินทางด้วยบัตร EMV หรือบัตร Rabbit แบบ ABT ให้เป็นแนวทางเดียวกัน และกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการรายได้ที่เหมาะสมในกรณีที่รายได้
จากค่าโดยสารเพิ่มขึ้น และกรณีที่ต้นทุนในการให้บริการลตลงตามปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐจะต้องสนับสนุน รวมทั้งควรคำนึงถึงความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินมาตรการ (Capacity) ของระบบการเดินทางโดยเฉพาะ รถไฟฟ้าสายที่มีความแออัด ซึ่งจะส่งผลทางตรงต่อต้นทุนของผู้โดยสาร เช่น ต้องรอนานขึ้น เบียดเสียดมากขึ้น หรือปัญหาคุณภาพการให้บริการที่ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการเดินรถที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาครัฐอาจจะต้องรับภาระในการจัดสรรเงินชดเชยให้กับเอกชนที่มีรูปแบบสัญญาสัมปทาน และการประกอบการที่แตกต่างกันในแต่ละสาย
นอกจากนั้นเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร พิจารณาแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้มีความชัดเจน โดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังกับภาครัฐในระยาว และกำหนดแนวทางในการเจรจากับคู่สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า อย่างเหมาะสม เป็นธรรม โปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติ ครม.ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยไม่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะกระทบต่อฐานะการคลัง ของภาครัฐในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินมาตรการฯ ในระยะยะแรกให้ครบถ้วนในทุกมิติ และนำผลการประเมินดังกล่าวเสนอ ครม.เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินมาตรการฯในระยะต่อไป
ส่วนกรณีร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... และร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ... (ฉบับที่ ..) อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรจึงเห็นควรให้มีความชัดเจนในร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวก่อนนำมาพิจารณาประกอบแนวทางการดำเนินมาตรการดังกล่าวอีกครั้งต่อไป







