30 ก.ย. 68 ชี้ชะตาเหมืองทองอัครา 'อุตสาหกรรม' เผยแนวโน้มดี-ยึดประโยชน์ชาติ

ใกล้ถึงเส้นตาย 30 ก.ย. 68: ชี้ชะตา 'เหมืองทองอัครา' หลังเลื่อนตัดสินในกระบวนอนุญาโตตุลาการหลายครั้ง "กระทรวงอุตสาหกรรม" เผยการเจรจามีแนวโน้มที่ดี ยันเจรจาเพื่อประโยชน์ชาติ
KEY
POINTS
- คณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการอ่านคำตัดสินข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยและบริษัทแม่ของเหมืองทองอัคราออกไปเป็นวันที่ 30 ก.ย. 2568 ตามคำร้องขอของทั้งสองฝ่าย
- นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า การเจรจามีแนวโน้มที่ดี และกรอบเวลาที่เลื่อนออกไปคาดว่าจะทำให้ข้อพิพาทได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
- เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง และไม่มีการเจรจานอกรอบ
- เหมืองทองอัคราได้กลับมาประกอบกิจการบางส่วนตั้งแต่เดือน มี.ค. 2566 หลังจากดำเนินการตามคำขอที่ค้างอยู่และปฏิบัติตามกรอบนโยบายทองคำที่ปรับปรุงใหม่
แม้กระบวนอนุญาโตตุลาการ ระหว่าง บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ เหมืองแร่ทองคำชาตรี หรือ เหมืองทองอัครา และรัฐบาลไทย ตั้งแต่ปี 2560 จะยังไม่ได้ข้อยุติ แม้จะได้กลับมาเปิดเดินเครื่องจักรเพื่อผลิตทองคำและเงินอีกครั้ง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 หลังจากมีคำสั่งระงับการประกอบกิจการมาตั้งแต่ 1 ม.ค. 2560 ด้วยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งขณะนี้ ได้ถูกเลื่อนการอ่านคำตัดสินเป็นสิ้นเดือนก.ย. 2568
นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาได้มีการพูดคุยกันเสมอ โดยเชื่อว่าในเรื่องนี้ น่าจะมีข่อสรุปที่ดีได้
นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า กรณีข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) นั้น คณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินออกไปหลายรอบแล้ว จนล่าสุดจะครบกำหนดการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินวันที่ 30 ก.ย. 2568 ตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายร้องขอ ซึ่งเป็นกรอบระยะเวลาที่เชื่อว่าจะสามารถเจรจาให้ข้อพิพาทยุติลงได้ และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายมากกว่า ทั้งนี้ ในการเจรจามีแนวโน้มที่ดีแต่ยังไม่สามารถยืนยันอะไรได้
สำหรับการกลับมาประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำอีกครั้งของ อัคราฯ ตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค. 2566 ที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจากอัคราฯ ได้เริ่มกลับมาดำเนินการคำขอต่างๆ โดยเฉพาะคำขอต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่เดิม และใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ค้างอยู่ ตั้งแต่ปี 2563 ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยแร่และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายทองคำที่ปรับปรุงขึ้นใหม่
โดยภายหลังจากที่ อัคราฯ ได้กลับมาประกอบการอีกครั้ง ได้มีการติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายใต้รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA สำหรับการทำเหมืองแร่ และ EHIA สำหรับการประกอบโลหกรรมอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบควบคุมและเฝ้าระวังการทำเหมืองแร่ทองคำ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหลัง นายอิทธิพล ชลธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน กล่าวหารัฐบาลสั่งการให้เลื่อนการตัดสินคดีเหมืองทองอัครา 3 ครั้ง โดยนายเอกนัฏ ยืนยันว่า ตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการไปเจรดีลลับต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยก้าวก่าย และตนเองก็ไม่เคยไปร้องขอต่อใคร
นายเอกนัฏ ยืนยันว่า คดีเหมืองทอง ดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างบุคคลกับเหมืองทอง แต่เป็นการฟ้องประเทศ เพราะฉะนั้น จะต้องทำทุกทางเพื่อไม่ให้ประเทศแพ้คดี และในการดำเนินการที่ผ่านมา ก็เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบการเหมืองแร่
ส่วนกรณีที่มีการเลื่อนการอ่านข้อพิพาทของอนุญาโตตุลาการนั้น นายเอกนัฏ ยืนยันว่า มีการเลื่อนตั้งแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ โดยตนเองไม่เคยขอให้เลื่อน แต่ยึดขั้นตอนตามกระบวนการภายใต้กฎหมายทั้งหมด ไม่เคยมีการเจรจานอกรอบแต่อย่างใด และข้อพิพาทดังกล่าวนี้ ยังไม่มีการอ่านคำพิพากษา จึงไม่ควรปรักปรำว่าใครผิดหรือถูก
นายเอกนัฎ ยังได้กล่าวต่อไปถึงข้อกล่าวหาการออกอาชญาบัตรพิเศษทับพื้นที่อุทยาน หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้วยว่า เรื่องดังกล่าวก็เคยขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ และจากการรับฟังการอภิปรายก็สับสนว่า ฝ่ายค้านต้องการให้ตอบในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในปัจจุบัน หรืออดีต
แต่เท่าที่ทราบขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เหมืองแร่ ไม่มีการออกอาชญาบัตรพิเศษที่ผิดกฎหมาย หรือทับพื้นที่อุทยาน ดังนั้น จึงยืนยันว่า ในคดีเหมืองทองอัครา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถไปต่อรองแลกเปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมได้ และตนก็ไม่เคยนำผลประโยชน์ของประเทศไปต่อรองกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างจึงต้องเป็นไปตามขั้นตอน และรักษาผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง
การนับถอยหลังสู่เดือนกันยายน 2568 จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะชี้ชะตาอนาคตของเหมืองทองอัครา และเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างโปร่งใสและเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ







