คมนาคม - กทม. เตรียมนัดถกปม ชดเชยค่าโดยสาร 'รถไฟฟ้า 20 บาท'

คมนาคม - กทม. เตรียมนัดถกปม ชดเชยค่าโดยสาร 'รถไฟฟ้า 20 บาท'

คมนาคม - กทม. เตรียมนัดเคลียร์ปมส่วนต่างชดเชยค่าโดยสาร “รถไฟฟ้า 20 บาท” แจงที่มาตัวเลขไม่ตรง เหตุ กทม.คำนวณรวมถึงภาระค่าดำเนินงานส่วนอื่น ขณะที่คมนาคมยันประมาณการจากตัวเลขผู้ใช้บริการ และส่วนต่างรายได้ที่เกิดขึ้นจริง

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่หลายฝ่ายออกมากล่าวถึงเรื่องการผลักดันนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งกระทรวงฯ มีเป้าหมายจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิในเดือนส.ค.นี้ ก่อนจะเริ่มใช้อัตราค่าโดยสารดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 นี้ โดยมีข้อกังวลว่าอัตราค่าโดยสารไม่สะท้อนพื้นฐานความเป็นจริง

อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ยืนยันว่าตัวเลข 20 บาท มีที่มาจากผลการศึกษาที่คำนวณค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการโดยสารรถไฟฟ้าต่อเที่ยวต่อคน และพบว่ามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 35 บาท ดังนั้นการปรับลดราคาให้เหลือ 20 บาท มาจากความต้องการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลง 40% และสนับสนุนให้ประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัด และปัญหาฝุ่น PM2.5

ส่วนประเด็นประมาณการ การชดเชยส่วนต่างรายได้ของโครงการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสายสีเขียว และสายสีทอง ที่กระทรวงฯ ได้ประมาณการ และเสนอ ครม.คาดจะต้องชดเชยรายได้อยู่ที่ประมาณ 2,525 ล้านบาท แต่เนื่องด้วยเป็นโครงการภายใต้การกำกับของกรุงเทพมหานคร (กทม.) จึงยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะนำมาชดเชยได้ ซึ่งขอมอบหมายให้ กทม.รับไปพิจารณา

ทั้งนี้กรณีที่ กทม. ออกมาระบุถึงประมาณการชดเชยส่วนต่างรายได้รถไฟฟ้านั้น คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณ จำนวน 11,059 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่กระทรวงคมนาคม ประมาณการไว้ เรื่องนี้กระทรวงฯ ขอชี้แจงว่าตัวเลขที่กระทรวงฯ ได้ประมาณการ และเสนอ ครม.นั้น เป็นการคำนวณตามคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร

ในส่วนของ กทม.ทราบว่าประมาณการตัวเลข 11,059 ล้านบาท มาจากฐานคิดรวมภาระงานโครงสร้าง งานโยธา งานระบบการเดินรถ งานจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงตามสัญญา ซึ่งจะเกิดขึ้นในกรณีที่มีการถ่ายโอนเจ้าของจาก กทม.มาเป็นของรัฐ เป็นคนละกรณีกับการชดเชยรายได้ส่วนต่างที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท

อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ยืนยันว่าการชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการนั้น รัฐจะใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนตั๋วร่วม หรือแหล่งเงินอื่นตามมติ ครม. โดยภายหลังประชาชนใช้สิทธิค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ผ่านการแตะจ่ายบัตรเครดิต บัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ EMV Contactless และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่ลงทะเบียน) หลังจากนั้นระบบ Clearing House จะรวบรวมข้อมูลการเดินทาง และชดเชยรายได้ให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า ดังนั้นยืนยันว่าผู้ประกอบการจะไม่ได้รับผลกระทบรายได้ และไม่เป็นผลกระทบต่อสัญญาสัมปทาน

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ไม่ขัดข้องกับนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ช่วยให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ถูกลง แต่ กทม.เป็นกังวลเล็กน้อย คือ เรื่องสัญญาต่างๆ ระหว่าง เอกชน กับ กทม. ต้องคุยให้ชัดเจน เพราะสุดท้าย หากตกลงเรื่องค่าชดเชยไม่ได้ กทม.ก็อาจจะถูกฟ้อง ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องคุยในรายละเอียดร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ กระทรวงคมนาคม กทม.และเอกชน เบื้องต้นน่าจะได้พูดคุยกันภายในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี กทม.กังวลเกี่ยวกับการชดเชยรายได้ของเอกชน โดยเฉพาะส่วนของสัมปทานที่มีสัญญาอยู่ จะมีเรื่องค่ารายได้ หรือการชดเชยรายได้ที่หายไป ต้องทำอย่างไร ตัวเลขที่กระทรวงคมนาคม ประมาณการมาอาจดูน้อย เพราะปัจจุบันค่าโดยสารเฉลี่ยในส่วนสัมปทานอยู่ที่ 34 บาทต่อคน และมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 7 แสนคน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นประเด็นนี้ต้องหารือรายละเอียดส่วนต่างประมาณการเงินชดเชยที่กระทรวงคมนาคม คำนวณมาอีกครั้ง

นอกจากนี้ ปัจจุบัน กทม.มีสัญญาจ้างเอกชนเดินรถ ดังนั้นต้องหารือว่าจะมีการชดเชยรายได้ลักษณะนี้อย่างไร เพราะสัญญาดังกล่าวมีต้นทุนที่ กทม.จ้างเอกชนเดินรถอยู่ประมาณ 8 พันล้านบาทต่อปี แต่มีรายรับประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี และในอนาคตจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนกับรายได้ไม่สอดคล้องกับ ดังนั้นส่วนของสัญญานี้จะมีแนวทางชดเชยอย่างไรให้เกิดความยุติธรรม 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์