รฟท. เล็งดึงกลุ่มทุนรถไฟฟ้า ชิง PPP เดินรถ ‘ไฮสปีดไทย - จีน’

รฟท. เล็งดึงกลุ่มทุนรถไฟฟ้า ชิง PPP เดินรถ ‘ไฮสปีดไทย - จีน’

รฟท. ตั้งเป้าเปิด PPP ไตรมาส 3 ปีหน้า ดึงเอกชนเดินรถ “ไฮสปีดไทย - จีน” ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย วงเงินกว่า 1 แสนล้านบาท เจาะเป้าหมายเอกชนไทยที่มีประสบการณ์เดินรถไฟฟ้า 2-3 ราย

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นประธานในเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อแนะนำโครงการศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมของการจัดทำเอกสารประกวดราคา ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และจีน (ไฮสปีดไทย - จีน) ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในวันนี้ (15 ก.ค.68) 

อย่างไรก็ดี การสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และภาคธุรกิจ ตลอดจนขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการนี้ รฟท.มีเป้าหมายดำเนินการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน (PPP) เพื่อลดงบประมาณการลงทุนของภาครัฐ และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เอกชนจะนำมาดำเนินการ โดยเอกชนคู่สัญญาจะร่วมดำเนินงานในส่วนของการติดตั้งงานระบบ การบริหารจัดการเดินรถ และการบำรุงรักษา ตลอดแนวเส้นทางช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย 

รฟท. เล็งดึงกลุ่มทุนรถไฟฟ้า ชิง PPP เดินรถ ‘ไฮสปีดไทย - จีน’

“หลังเปิดรับฟังความเห็นครั้งนี้ การรถไฟฯ จะเปิดเวทีรับฟังความเห็นของภาคเอกชนในช่วงเดือนต.ค.นี้ เพื่อนำข้อเสนอของประชาชน และเอกชนมาจัดทำข้อมูลรูปแบบการลงทุน ก่อนเสนอกระทรวงคมนาคมภายใน ธ.ค.2568 และคาดว่าจะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า หลังจากนั้นกลับมาจัดทำเอกสารประกวดราคาเสร็จในไตรมาส 2 เบื้องต้นจึงคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีหน้า”

นายวีริศ กล่าวต่อว่า การเปิด PPP บริหาร และเดินรถไฮสปีดไทย-จีนเป็นเรื่องที่ รฟท.ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ทันต่อการเปิดเดินรถใน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ที่ปัจจุบันงานโยธาคืบหน้าแล้วกว่า 45.65% และคาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดบริการในปี 2572 ซึ่งเอกชนคู่สัญญาร่วมทุนนั้นจะต้องดำเนินการส่วนของระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ครอบคลุมงานบริหารโครงการ และบำรุงรักษาโครงการด้วย ส่วนการติดตั้งระบบ และขบวนรถในส่วนของระยะที่ 1 รฟท.ได้ดำเนินการลงทุนให้แล้ว โดยปัจจุบันจัดหาขบวนรถจำนวน 4 ขบวน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากจีนรถไฟรุ่น Fuxing Hao Series CR 300 AF ดังนั้นหากประมูลได้ตัวเอกชนก็จะสามารถบริหารการเดินรถได้ทันที 

รฟท. เล็งดึงกลุ่มทุนรถไฟฟ้า ชิง PPP เดินรถ ‘ไฮสปีดไทย - จีน’

ส่วนความรับผิดชอบระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย เอกชนคู่สัญญาจะต้องติดตั้งงานระบบ การบริหารจัดการเดินรถ และการบำรุงรักษา รวมไปถึงการจัดหาขบวนรถเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อการบริการผู้โดยสาร และเพื่อให้โครงการเดินรถเป็นระบบเดียวกันตลอดแนวเส้นทาง จะต้องจัดใช้ระบบอาณัติสัญญาณ และขบวนรถของจีน ตามมาตรฐานเช่นเดียวกับโครงการระยะที่ 1 อีกทั้งจะต้องเอื้อต่อการเชื่อมต่อระบบรถไฟไปยังลาว และจีนด้วย เพื่อให้โครงการไฮสปีดสายนี้เกิดประโยชน์เชื่อมต่อการเดินทาง และการขนส่งตามเป้าหมาย โดยจะเปิดบริการได้ในปี 2574

“เชื่อว่าเอกชนทั้งไทย และต่างชาติจะสนใจเข้าร่วม PPP บริหารและเดินรถไฮสปีด ซึ่งเอกชนไทยกลุ่มเป้าหมายที่การรถไฟฯ มองว่าจะเข้าเงื่อนไขร่วมลงทุนได้ ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์บริหารรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2-3 ราย ส่วนต่างชาติก็สามารถรวมกลุ่มกับเอกชนไทยเข้าร่วมประมูลได้ ซึ่งขณะนี้กลุ่มทุนจีนแสดงความสนใจจำนวนมาก เพราะไฮสปีดสายนี้จะเชื่อมต่อไปจีน อีกทั้งยังใช้ระบบเทคโนโลยีที่มาจากจีนด้วย”

รฟท. เล็งดึงกลุ่มทุนรถไฟฟ้า ชิง PPP เดินรถ ‘ไฮสปีดไทย - จีน’

นอกจากการเร่งดำเนินการ PPP บริหาร และการเดินรถ ขณะนี้ รฟท.ยังอยู่ระหว่างเตรียมประมูลงานโยธาระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย มูลค่า 3.4 แสนล้านบาท โดยสถานะปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนแบ่งสัญญาประมูล เบื้องต้นประเมินไว้เป็น งานโยธา 7 สัญญา และศูนย์ซ่อม 1 สัญญา ทั้งนี้คาดว่ารายละเอียดทั้งหมดจะแล้วเสร็จในกลางเดือนส.ค.นี้ และออกประกาศเชิญชวนผู้รับเหมายื่นข้อเสนอในเดือนก.ย.2568 หลังจากนั้นเร่งรัดก่อสร้างในปี 2569 

รายงานข่าวจาก รฟท. เผยว่า มูลค่าโครงการ PPP บริหารและเดินรถไฮสปีดไทยจีนนั้น ประเมินว่าจะมีมูลค่าสูงประมาณ 1 แสนล้านบาท เนื่องจากเฉพาะส่วนของงานระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย ซึ่งเอกชนจะต้องดำเนินการทั้งติดตั้งระบบ บริหารการเดินรถ และบำรุงรักษา ประเมินว่าจะมีมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท รวมงานส่วนของระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ที่เอกชนต้องบำรุงรักษา และการจัดหาขบวนรถมาให้บริการเพิ่มเติมรวม 14 ขบวน ก็คาดว่าจะมีมูลค่างาน PPP มากกว่า 1 แสนล้านบาท ส่วนระยะเวลาสัมปทานนั้น ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ประเมินไว้ที่ 30 ปี ซึ่งขณะนี้ รฟท.อยู่ระหว่างรับฟังความเห็น และประเมินความเหมาะสม 

รฟท. เล็งดึงกลุ่มทุนรถไฟฟ้า ชิง PPP เดินรถ ‘ไฮสปีดไทย - จีน’

สำหรับ เวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมทั้งภายในงาน และระบบออนไลน์รวมกว่า 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ขณะเดียวกันยังพบว่ามีเอกชนรับเหมารายใหญ่ คือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมรับฟังรายละเอียดโครงการด้วย 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์