เปิดฉากทัศน์รับภาษีทรัมป์ครึ่งปีหลัง ตอบโต้ทางการค้าพุ่ง-ซัพพลายเชนโลกเปลี่ยน

ยังไม่หายตกใจหลังสิ้นสุดช่วงเวลาที่สหรัฐชะลอการใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษี ซึ่งไทยมาได้ที่ 36% ต่างจากเวียดนามที่เจรจาเสร็จสิ้นด้วยอัตราภาษีที่ 20% จากต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน
ความไม่แน่นอนการค้าโลกทำให้มูลค่าการค้าไตรมาสแรกของปีนี้ มีมูลค่าพุ่งสูงอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจาก Global trade update ฉบับเดือนก.ค. 2568 เผยแพร่โดย การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด ระบุว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 และ ไตรมาสที่ 2การค้าโลกอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 300,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จากไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ที่การค้าสินค้าเติบโต 1.5% และการค้าบริการเติบโต1.7% และ ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 จะเติบโตประมาณ 2% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส
อย่างไรก็ตาม หากมองไปข้างหน้า ช่วงครึ่งหลังครึ่งหลังของปี 2568 ความยืดหยุ่นทางการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่จะขึ้นอยู่กับความชัดเจนของนโยบาย การพัฒนาภูมิเศรษฐกิจ และความสามารถในการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทานเป็นหลัก
อีกด้านหนึ่ง คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงในหลายภูมิภาค ซึ่งบ่งชี้ว่าการค้าระหว่างประเทศอาจเผชิญกับการเติบโตที่ช้าลง นอกจากนี้ แนวโน้มการขึ้นภาษีศุลกากรในสหรัฐ และความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการค้าในวงกว้าง ถือเป็นความเสี่ยงด้านลบที่สำคัญ ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนล่าสุดยังส่งสัญญาณเชิงลบ ซึ่งมักสะท้อนถึงกิจกรรมการผลิตที่อ่อนตัวลง และอาจส่งสัญญาณถึงความต้องการนำเข้าที่ลดลงและคำสั่งซื้อส่งออกที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม การบูรณาการระดับภูมิภาคที่เติบโตมากขึ้นอาจช่วยสนับสนุนการค้าโลกได้บ้าง นอกจากนี้ ตัวชี้วัดสำคัญๆ เช่น ดัชนีการขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์เซี่ยงไฮ้และดัชนีสินค้าแห่งบอลติก ได้ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วงต้นปี 2568 แม้ว่าจะยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2567 ก็ตาม
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ได้แก่: ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่ยังคงมีอยู่ในสหรัฐ จากภาษีศุลกากรใหม่ที่ครอบคลุมหลายประเทศและทั้งที่มุ่งเป้าไปที่บางประเทศ และภาษีศุลกากรเฉพาะผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เช่น ภาษีที่ส่งผลกระทบต่อภาคยานยนต์
ศักยภาพในการตอบโต้ต่อมาตรการด้านภาษี แม้ว่ามาตรการนโยบายการค้าตอบโต้จะมีจำกัด แต่การเพิ่มมาตรการการค้าฝ่ายเดียวที่มากขึ้นๆของสหรัฐอาจกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้ ซึ่งนำไปสู่ความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น และอาจลุกลามไปยังประเทศที่สามที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อพิพาท
การเติบโตของเงินอุดหนุนและนโยบายอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นภายในประเทศ กลยุทธ์อุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นภายในประเทศอาจทวีความรุนแรงขึ้นตลอดปี 2568 โดยมีการใช้เงินอุดหนุนภายในประเทศและนโยบายจำกัดการค้าที่มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศมากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง
ผลกระทบแบบลูกโซ่ตลอดห่วงโซ่คุณค่าโลก จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเฉพาะของห่วงโซ่คุณค่าโลก ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบกับประเทศและภาคส่วนเป้าหมายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มที่เชื่อมโยงกันทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้วย เมื่อพิจารณาจากระบบการผลิตที่บูรณาการอย่างลึกซึ้งในปัจจุบัน มาตรการดังกล่าวสามารถรบกวนเครือข่ายอุปทานทั้งหมดและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ด้านข้อมูลจาก รายงาน Trade Monitoring Update ฉบับล่าสุด องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ชี้ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราภาษีศุลกากรใหม่และสัดส่วนการค้าโลกที่ครอบคลุมโดยอัตราภาษีศุลกากรดังกล่าวระหว่างเดือนต.ค. 2567 ถึงพ.ค. 2568 ส่งผลให้ภูมิทัศน์การค้าโลกมีความผันผวนและคาดเดาไม่ได้
ขณะเดียวกัน แม้จะมีความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ
ดับเบิลยูทีโอก็ยังคงเห็นถึงการมีส่วนร่วมที่เข้มข้นขึ้นในการแสวงหาทางออกโดยการเจรจาเพื่อแก้ไขความแตกต่างที่เกี่ยวข้องกับการค้า
โดยรายงานการติดตามการค้าประจำปีของสำนักเลขาธิการดับเบิลยูทีโอซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา นำเสนอภาพรวมของการค้าและพัฒนาการด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการค้าไว้ว่า รายงานการติดตามการค้าฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมการค้าโลก โดยมีการเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียง6เดือน เพิ่มขึ้น 12.5% ของการนำเข้าสินค้าทั่วโลก
กำลังนำไปสู่การสร้างมาตรการทางการค้าใหม่ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 19.4% เทียบตั้งแต่ปี 2552 อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตการค้าในปัจจุบัน
"เราเห็นสัญญาณการเจรจาต่อรองที่ดีเพื่อหาทางออกร่วมกัน ขอเรียกร้องให้สมาชิกดับเบิลยูทีโอร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความตึงเครียด ผลักดันแนวทางที่สอดคล้องกับดับเบิลยูทีโอและที่สำคัญที่สุดคือ การแก้ไขปัญหาพื้นฐานโดยการปฏิรูปดับเบิลยูทีโออย่างรอบด้าน” ดร.เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอ กล่าว
ทั้งนี้ รายงาน พบว่า มูลค่าการค้าสินค้าโลกภายใต้มาตรการภาษีศุลกากรใหม่และมาตรการอื่นๆ ที่บังคับใช้ในช่วงระยะเวลาการทบทวน 7 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่า 2,732.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ มากกว่า 3 เท่าของ 887.6 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า (ปี2567)
“ตัวเลขนี้ถือเป็นระดับสูงสุดของมาตรการใหม่ๆดังกล่าวที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาการรายงานเดียวกัน นับตั้ง เริ่มติดตามพัฒนาการของนโยบายการค้าในปี 2552 ซึ่งสหรัฐที่ดำเนินการทางการค้าตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2568 อ้างเหตุผลสนับสนุนจากสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงแห่งชาติและเศรษฐกิจ”
ขณะที่ภาพรวมการค้าโลกพบว่า มีการใช้มาตรการทางการค้าทั้งหมด 644 มาตรการ เช่น มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาด คิดเป็น 296 มาตรการ สัดส่วน46% ของมาตรการทางการค้าที่นำมาใช้สูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ นอกจากนี้ ยังมีการบันทึกมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการค้าอื่นๆ อีก 141 รายการ (รวมถึงการขึ้นภาษีศุลกากรและข้อจำกัดการส่งออก)
แม้จะมีสภาพแวดล้อมการค้าโลกที่ท้าทาย แต่หลายภาคส่วนได้นำมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินอุดหนุน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือจากรัฐ หรือแรงจูงใจในการส่งออก เพื่อรับมือกับอุปสรรคทางการค้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้การใช้มาตรการสนับสนุนโดยตรงจะลดลง และถูกแทนที่ด้วยเครื่องมือด้านการกำกับดูแลซึ่งมาตรการสนับสนุนต่างๆจะมุ่งเน้นไปที่วัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจ แต่ได้เปลี่ยนเหตุผล หรือ ข้ออ้างที่กว้างขึ้น เช่น การบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงของอุปทาน และความมั่นคงของชาติ







