'คลัง' เร่งจัดเก็บรายได้รัฐ 'พลาดเป้าน้อยที่สุด' ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว

“คลัง“ เผยสถานการณ์จัดเก็บรายได้รัฐปีงบฯ 68 ไม่เป็นไปตทมเป้าประมาณการ เหตุเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าคาด อาจต่ำกว่า 2% ยันปิดหีบงบประมาณสิ้นปีได้
KEY
POINTS
- กระทรวงการคลังยอมรับว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปี 2568 จะต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
- เป้าหมายหลักของรัฐบาลคือการพยายามจัดเก็บรายได้ให้คลาดเคลื่อนจากเป้าหมายน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค. 67 - พ.ค. 68) ต่ำกว่าประมาณการ 12,753 ล้านบาท หรือ 0.7%
- กระทรวงการคลังจะใช้มาตรการเสริม เช่น เรียกเก็บเงินเพิ่มจากรัฐวิสาหกิจ และยืนยันว่าสามารถบริหารจัดการงบประมาณได้โดยไม่ต้องกู้เงินชดเชย
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ เนื่องแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ต่ำกว่าสมมุติฐาน
"ความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณนี้ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ หากเกิดความคลาดเคลื่อนจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะต้องพลาดเป้าให้ น้อยที่สุด แม้จะยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเติบโตต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้มากก็ตาม"
นายลวรณ กล่าวว่า ในปีนี้มีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อการประมาณการรายได้เดิม ซึ่งกระทรวงการคลังได้ตั้งสมมติฐานการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้สูงถึง 4.5-5% แต่สถานการณ์จริงอาจโตไม่ถึง 2%
ในส่วนของมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ นายลวรณ กล่าวว่า กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดเก็บภาษี ได้มีการทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อพยายามรักษาระดับการจัดเก็บรายได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดเก็บภาษีได้เท่าเดิม
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาในส่วนของรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรมากพอ โดยมีเกณฑ์ว่าไม่ควรเก็บกำไรไว้ในธุรกิจโดยไม่นำไปลงทุน อย่างไรก็ตาม รายได้จากรัฐวิสาหกิจแม้จะมีส่วนช่วย แต่ก็เป็นเพียงหลักแสนกว่าล้านบาท
สำหรับปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้รัฐบาล อาทิ รายได้จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และยอดขายรถยนต์ก็ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดีเป็นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตราภาษีต่ำ
"กระทรวงการคลังพยายามจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณนี้ให้พลาดเป้าให้น้อยที่สุด และยืนยันว่าสามารถปิดหีบงบประมาณปี 2568 โดยสามารถใช้เงินคงคลังได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องกู้เงินชดเชยหากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้" นายลวรณ กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล 8 เดือนแรกปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.2567-พ.ค.2568) สามารถจัดเก็บรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น 1,704,184 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าประมาณการที่กำหนดไว้ 12,753 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.7% อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่ามีการจัดเก็บรายได้ที่สูงขึ้น 28,834 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7%
โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ มาจากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการนำเข้า ได้ต่ำกว่าประมาณการเป็นสำคัญ
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี โดยรวมจัดเก็บได้ 1,784,483 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 55,623 ล้านบาท คิดเป็น 3.0% โดยแบ่งเป็น
กรมสรรพากร จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 7,795 ล้านบาท หรือ 0.6%
กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 41,992 ล้านบาท หรือ 10.6%
กรมศุลกากร จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,836 ล้านบาท หรือ 7.1%
ทั้งนี้ ผลการจัดเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าประมาณการส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่มีนิติบุคคลบางส่วนเปลี่ยนไปยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ (ภ.ง.ด. 50) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีกำหนด ระยะเวลาสิ้นสุดการยื่นแบบในช่วงต้นเดือนมิ.ย. 2568
กระทรวงการคลังยืนยันว่าจะยังคงติดตามและบริหารการจัดเก็บรายได้อย่างใกล้ชิดในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2568 เพื่อเสริมสร้างฐานะการคลังให้มีความมั่นคง และพร้อมสนับสนุนการดำเนินนโยบายต่างๆ ของภาครัฐต่อไป
รายงานข้อมูลฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,642,494 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 2,593,085 ล้านบาท
โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 777,123 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 338,541 ล้านบาท







