กำพล อดิเรกสมบัติ วิเคราะห์เชิงลึก Usecase: สินค้าส่งออกไทยถูกสวมสิทธิ์

กำพล อดิเรกสมบัติ วิเคราะห์เชิงลึก Usecase: สินค้าส่งออกไทยถูกสวมสิทธิ์

สงครามการค้ากลับมาเป็นประเด็นใหญ่อีกครั้งในปี 2025 นี้ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศกำแพงภาษี ทั้งในช่วงต้นเดือนเมษายน และ กรกฎาคมที่ผ่านมา

KEY

POINTS

  • บทความนี้  Athentic Consulting เชื่อมโยงข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ และ อัตรากำแพงภาษีที่ทางสหรัฐฯ ประกาศออกมา เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าประเภทใดบ้างที่เสี่ยงถูกสวมสิทธิ์ 
  • การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อไทยที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าไทยอาจถูกใช้เป็นฐานส่งออกสินค้าจีนเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษี
  • ตัวอย่างสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ล้อรถ โซลาร์เซลล์ เครื่องพิมพ์ อาหารสัตว์และจอมอนิเตอร์

Usecase: การเชื่อมโยงข้อมูลการค้าและกำแพงภาษีเพื่อวิเคราะห์สินค้าส่งออกไทยเข้าข่ายโดนสวมสิทธิ์

สงครามการค้ากลับมาเป็นประเด็นใหญ่อีกครั้งในปี 2025 นี้ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศกำแพงภาษี ทั้งในช่วงต้นเดือนเมษายน และ กรกฎาคมที่ผ่านมา

นอกจากเรื่องของอัตราภาษีที่ถูกประกาศออกมาเป็นระลอกแล้ว สิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเน้นย้ำ ก็คือการขาดดุลการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อประเทศต่างๆ

ล่าสุดในจดหมายที่มีการส่งถึงรัฐบาลประเทศต่างๆ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็มีการพูดถึงประเด็นนี้ว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯเป็นความท้าทายต่อทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐฯ 

สำหรับการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อไทยเรา ในปี 2017 ก่อนที่จะมีการประกาศกำแพงภาษีระลอกแรกในปี 2018 โดยประธานาธิบดีทรัมป์ มีมูลค่าอยู่ที่ ประมาณ 20.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แต่ในปี 2024 ตัวเลขการขาดดุลของสหรัฐฯ ที่มีต่อไทยพุ่งขึ้นไปสูงถึง 45.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า

ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า ตัวเลขการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นนี้ มาจากสินค้าส่งออกของไทยเอง หรือไทยกลายเป็นประเทศที่ถูกสวมสิทธิ์เพื่อส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ที่ถูกตั้งกำแพงภาษี อาจมีการส่งสินค้ามาที่ไทยก่อนแล้วใช้ไทยเป็นฐานการส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ อีกต่อหนึ่ง 

ในบทความนี้ ผมขออนุญาตนำเอาผลงานวิจัยของ Athentic Consulting ที่ได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ และ อัตรากำแพงภาษีที่ทางสหรัฐฯ ประกาศออกมา และนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อตรวจสอบว่ามีสินค้าประเภทใดบ้างที่มีความเสี่ยงเป็นสินค้าถูกสวมสิทธิ์

ต้องขอเน้นย้ำนะครับว่าเป็นเพียงสินค้าที่มีความเสี่ยงถูกสวมสิทธิ์ การจะตรวจสอบให้แน่ชัดมากขึ้นว่าเป็นจริงหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบผ่านผู้นำเข้าและผู้ส่งออกจะให้ผลที่ชัดเจนมากขึ้น 

ก่อนอื่น ผมขออนุญาตฉายภาพให้เห็นก่อนว่า เกิดอะไรขึ้นกับ ตลาดส่งออกของไทย จีน และสหรัฐฯ ในช่วงก่อนจะมีกำแพงภาษีของทรัมป์ (ประกาศในปี 2018) และหลังจากที่มีกำแพงภาษีแล้ว ในรูปที่ 1 เราจะเห็นว่า 

กำพล อดิเรกสมบัติ วิเคราะห์เชิงลึก Usecase: สินค้าส่งออกไทยถูกสวมสิทธิ์

  • หลังจากปี 2018 สัดส่วนมูลค่าการส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ ลดลง โดยในปี 2010 ที่มีสัดส่วนถึง 18% ของมูลค่าส่งออกจีนทั้งหมด แต่พอในปี 2024 มูลค่าส่งออกจีนไปสหรัฐฯ กลับลดลงเหลือแค่ 15% 
  • ในขณะที่สัดส่วนมูลค่าการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ขยับขึ้นจากประมาณ 10% ในปี 2010ก่อนมีกำแพงภาษี มาเป็น 18% ในปี 2024 
  •  และในขณะเดียวกัน สัดส่วนมูลค่าการส่งออกจากจีนมาไทย (ซึ่งก็คือการนำเข้าสินค้าจีนมาไทย) ก็เพิ่มขึ้นจาก 1% มาเป็น 2% ของมูลค่าส่งออกจีนทั้งหมด

คำถามต่อไปคือ เราจะรู้ได้ยังไงว่าสินค้าจีนที่จะถูกส่งมาไทยแล้วส่งต่อไปสหรัฐจะมีสินค้าอะไรบ้าง และรวมรวมกันแล้วมีมูลค่าเท่าไหร่ คิดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของส่งออกไทยทั้งหมด

ในงานศึกษานี้เราจะใช้ 4 หลักเกณฑ์ในการคัดกรองสินค้าที่เข้าข่ายมีโอกาสที่จะเป็นสินค้าจีนถูกส่งออกมาไทยเพื่อส่งต่อไปยังสหรัฐ ดังนี้ 

หลักเกณฑ์ที่ 1: เป็นสินค้าที่มีอัตราการเติบโตของการส่งออก (Export growth) ไปประเทศสหรัฐ > Export growth ไปประเทศอื่นๆ (ที่ไม่ใช่สหรัฐฯ) ในช่วงปี 2018-24 (หลัง Trump 1.0 ประกาศกำแพงภาษี) เทียบกับ 2010-17 (ก่อน Trump 1.0 ประกาศกำแพงภาษี) 

หลักเกณฑ์ที่ 2: เป็นสินค้าส่งออกจากจีนมาไทยที่มี Export growth เป็นบวก

หลักเกณฑ์ที่ 3: เป็นสินค้าที่จีนที่มีอัตราการเติบโตของการส่งออกไปยังสหรัฐติดลบ

หลักเกณฑ์ที่ 4: เป็นสินค้าจีนที่ส่งออกมาไทยที่สินค้าเหล่านั้นโดนกำแพงภาษีช่วง Trump 1.0

สินค้าที่จะเข้าข่ายจะต้องเป็นสินค้าที่เข้าเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อ โดยเราจะใช้ข้อมูลของสินค้าส่งออกจำแนกสินค้าตาม 4-digit Harmonized System Code

(Harmonized System Code หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า HS code หรือ พิกัดศุลกากร เป็นรหัสตัวเลขสากลที่ใช้ในการจำแนกประเภทสินค้าในการค้าระหว่างประเทศ รหัสนี้ถูกพัฒนาโดยองค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization) และใช้ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก

HS Code ช่วยให้เกิดความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับสินค้าแต่ละชนิด ไม่ว่าผู้ประกอบการจะอยู่ในประเทศใด ทำให้การนำเข้า-ส่งออกสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น)

กำพล อดิเรกสมบัติ วิเคราะห์เชิงลึก Usecase: สินค้าส่งออกไทยถูกสวมสิทธิ์

รูปที่ 2 ถึงรูปที่ 5 แสดงให้เห็นถึง รายละเอียดของหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อ และผลการวิเคราะห์ของสินค้า ต่างๆที่เข้าเกณฑ์เหล่านั้น และในรูปที่ 6 เป็นการรวบรวมเอาสินค้าที่เข้าเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ มาแสดงไว้

สินค้าเหล่านั้นมีมูลค่าทั้งหมดคิดเป็นประมาณ 21% ของมูลค่าส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ หรือประมาณ 4% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทย ในปี2024 โดยตัวอย่าง สินค้าที่เข้าข่าย ได้แก่ ล้อรถ  โซลาร์เซลล์ เครื่องพิมพ์ อาหารสัตว์ และจอมอนิเตอร์ 

กำพล อดิเรกสมบัติ วิเคราะห์เชิงลึก Usecase: สินค้าส่งออกไทยถูกสวมสิทธิ์

ตามที่ได้เรียนไว้ข้างต้นครับ สินค้าเหล่านี้เป็นเพียงสินค้าที่มีความเสี่ยงถูกสวมสิทธิ์ การที่จะระบุได้ชัดเจนว่าเป็นหรือไม่เป็นยังต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกจากทั้งผู้นำเข้าและส่งออกสินค้าเพิ่มเติม

และก็ไม่ใช่ว่าสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่เราไม่ควรนำเข้ามาจากจีน แต่เราต้องมานั่งคุยกันต่อว่าจากสินค้าที่เข้าข่ายเหล่านี้ เราจะจัดการอย่างไร สินค้าไหนที่นำเข้าจากจีนแล้วสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและเศรษฐกิจไทย เราก็ไม่ควรไปกีดกัน

แต่ถ้าเป็นสินค้าที่นำเข้ามาแล้วไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มมาเพื่อการสวมสิทธิ์ แล้วส่งออกไปสหรัฐฯ อันนี้ก็ต้องมานั่งคุยกันต่อว่าจะจัดการอย่างไร

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว นอกจากเรื่องของการขาดดุลการค้าที่ทางสหรัฐฯ มักจะพูดถึง ถ้าเราไม่จัดการประเด็นเหล่านี้  ผลกระทบอาจลึกลามไปถึงการลงทุนหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย

เพราะสหรัฐฯ ก็จะยังมีความไม่ไว้ใจในการส่งสินค้าเทคโนโลยีระดับสูง มาที่ไทยดังที่มีข่าวเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนว่าสหรัฐฯ อาจแบนไทยและมาเลเซียไม่ขาย AI Chip ขั้นสูงให้เพราะกังวลว่าจะมีการลักลอบส่งต่อไปจีน.