“ไต้หวัน”เร่งพลังงานสะอาดเคลื่อนเศรษฐกิจ เอ็กโก กรุ๊ปลุยโรงไฟฟ้า“หยุนหลิน”

สายลม แสงแดด และสายน้ำ คือแหล่งพลังงานที่ธรรมชาติมอบใหม่ แต่ไม่ใช่ทุกที่ ทุกเวลาจะนำพลังงานเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องอาศัยองค์ประกอบทั้งภูมิศาสตร์ ศักยภาพพื้นฐาน เทคโนโลยี และนโยบายที่จะสนับสนุนให้ของฟรีเหล่านี้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าที่หล่อเลี้ยงเมืองและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group โชว์ศักยภาพโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชม การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าฯ ที่ประสบความสำเร็จในการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น เมื่อเดือนม.ค. 2568 และได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ รวมกำลังผลิต 640 เมกะวัตต์ เมื่อเดือนมิ.ย. 2568 ทำให้ในปี2568สามารถรับรู้รายได้ได้เต็มปี
จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า EGCO Group เริ่มเข้าไปลงทุนในไต้หวันปลายปี 2562 ด้วยการเข้าถือหุ้นใน บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ด้วยเล็งเห็นว่า ไต้หวันมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดที่ชัดเจน การตั้งเป้าลดการพึ่งพานิวเคลียร์และถ่านหิน ผลักดันให้พลังงานสะอาดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งเป็นพื้นที่ ที่มีศักยภาพในการลงทุนพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบไต้หวันเป็นตำแหน่งที่มีลมแรงเป็น ลำดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งรัฐบาลไต้หวันได้ส่งเสริมการลงทุนแก่นักลงทุนต่างชาติ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว
Yunlin ดำเนินการโดย บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Skyborn Renewables ถือหุ้น 31.98% Total Energies ถือหุ้น 29.46% EGCO Group ถือหุ้น 26.56% และ Sojitz Corporation ถือหุ้น 12% ภายหลังได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า (Electricity Business License - EBL) เพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
ปัจจุบันบริษัท TotalEnergies รับหน้าที่หลักด้านการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operations and Maintenance - O&M) ในขณะที่บริษัท Skyborn Renewables ดูแลด้านงานบริหารจัดการโครงการ โดยในส่วนของผู้ถือหุ้นอีกสองราย EGCO Group และ Sojitz Corporation มีบทบาทให้การสนับสนุนด้านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าและการบริหารธุรกิจในไต้หวัน รวมถึงตัดสินใจในการบริหารงานสำคัญ ต่าง ๆ ของโครงการ
โรงไฟฟ้า Yunlin ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวัน ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของมณฑลหยุนหลินในไต้หวันเป็นระยะทางประมาณ 8-17 กิโลเมตร ที่ระดับความลึกของน้ำทะเลในช่วง 7-35 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 82 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยกังหันลม 80 ต้น กำลังผลิตต้นละ 8 เมกะวัตต์ รวมกำลังผลิตทั้งหมด 640 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าของไต้หวันผ่านสถานีไฟฟ้าบนฝั่ง 2 แห่ง บริเวณตำบลไถซีและซื่อหู ในมณฑลหยุนหลิน เพื่อขายให้กับ Taiwan Power Company (TPC) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี
สำหรับ Yunlin เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของไต้หวัน มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า 2,400 ล้านหน่วยต่อปี ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคครัวเรือนไต้หวันมากกว่า 600,000 หลังคาเรือน คิดเป็น 90% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนทั้งหมดของมณฑลหยุนหลิน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาโรงไฟฟ้า Yunlin เป็นผู้นำในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนในท้องถิ่น สมาคมประมงและมหาวิทยาลัยท้องถิ่นเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ
โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นพลังงานลมนอกชายฝั่งแห่งแรกของ EGCO Group ที่ดำเนินการในไต้หวัน นอกจากช่วยสร้างพลังงานสีเขียวให้กับไต้หวันแล้ว ยังช่วยเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนตามสัดส่วนการถือหุ้นให้ EGCO Group ประมาณ 170 เมกะวัตต์ ในขณะเดียวกัน ยังช่วยสนับสนุนให้ EGCO Group บรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573 ด้วย สำหรับด้าน ผลการดำเนินงาน คาดว่า Yunlin จะสร้างกระแสเงินสดให้ EGCO Group เฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินโครงการเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม - พฤษภาคม 2568) Yunlin มีอัตราการผลิตไฟฟ้า (Capacity Factor) ประมาณ 35% ซึ่ง Capacity Factor เฉลี่ยในระดับที่สูงนี้ ยืนยันศักยภาพของพลังงานลมในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันและการสร้างรายได้ในอนาคต
“ความสำเร็จจากการลงทุนใน Yunlin สร้างโอกาสต่อยอดการลงทุนโครงการอื่น ๆ ในไต้หวันในอนาคต เนื่องจากYunlin เปิดตลาดการลงทุนให้ EGCO Group ในไต้หวัน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการลงทุนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน รัฐบาลไต้หวันรู้จัก EGCO Group ในฐานะนักลงทุนไทยที่มีศักยภาพและมีความมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการให้สำเร็จ EGCO Group มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งจากโครงการ Yunlin และมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง โดยบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อม และแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ โดยเฉพาะในโครงการพลังงานหมุนเวียนและก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม ก็จะใช้องค์ความรู้ที่ได้จากโครงการนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการร่วมพิจารณาต่อไป”
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ต้องฝ่าฟัน ความท้าทายด้านภูมิศาสตร์(Geographical Challenges) เพราะ Yunlin ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีลมแรงเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่มีศักยภาพนี้ เป็นหนึ่งในบททดสอบสำคัญของการก่อสร้างโครงการ คือ การรับมือกับสภาพแวดล้อมทางทะเลที่ ท้าทายอย่างยิ่ง
"พื้นที่ติดตั้งกังหันลมตั้งอยู่ในบริเวณน้ำตื้น โดยมีความลึกตั้งแต่ระดับ 8 ถึง 32 เมตร พร้อมทั้งกระแสน้ำขึ้นลงรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการกัดเซาะฐานราก และจำกัดการเข้าถึงของเรือติดตั้ง นอกจากนี้ พื้นที่โครงการตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวันที่มีสภาพคลื่นลมรุนแรง สภาพแวดล้อมดังกล่าวส่งผลให้การดำเนินงานติดตั้งอุปกรณ์กังหันลมนอกชายฝั่งมีความท้าทายเป็นอย่างมาก
โดยทีมงานโครงการได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่นอย่างแท้จริง ผ่านมาตรการ เชิงรุกและการบริหารจัดการที่แม่นยำ ได้แก่ 1. สร้างความร่วมมือกับผู้รับเหมาระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อปฏิบัติงานในพื้นที่ทะเลที่มีสภาพแวดล้อมซับซ้อน 2. ดำเนินการเตรียมพื้นทะเลอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการกัดเซาะและเสริมความมั่นคงให้กับโครงสร้างฐานราก 3. บริหารจัดการ โลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระหว่างช่วงดำเนินการติดตั้ง ทีมสามารถควบคุมการดำเนินงานของเรือปฏิบัติงานได้มากกว่า 30 ลำ ภายใต้แผนงานก่อสร้างนอกชายฝั่ง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จด้านการจัดการในโครงการระดับเมกะโปรเจกต์
ขณะเดียวกันภาระกิจการรักษาความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็ยังต้องดำเนินต่อทำให้ Yunlin ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลมาโดยตลอด ในช่วงก่อสร้าง ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันด้านสมุทรศาสตร์ (NTOU) ในการวิจัยเกี่ยวกับกิจกรรมประมง เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง ปริมาณสัตว์น้ำ และผลผลิตทางการประมง จนนำไปสู่การจัดทำฐานข้อมูลประมงแห่งแรกของมณฑลหยุนหลิน
นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งกล้องใต้น้ำบนฐานรากของกังหันลม 2 แห่ง เพื่อติดตามการฟื้นตัวของระบบนิเวศ ใต้ทะเล ซึ่งพบว่า โรงไฟฟ้าสามารถมีบทบาทคล้ายแนวปะการังเทียมในการสร้างถิ่นอาศัยทางทะเล
“ มาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนการตอกเสากังหันลม (Monopiles)เป้าหมายหลักคือ การดูแลและปกป้องสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล โดยเฉพาะโลมาสีชมพู (Chinese white dolphin) ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง ด้วยการป้องกันไม่ให้สัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วาฬหรือโลมา ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เข้ามาในบริเวณที่มีการก่อสร้าง รวมถึงลดผลกระทบและตรวจสอบระดับเสียงใต้น้ำให้เป็นไปตามมาตรฐาน”
นอกจากนี้ โครงการได้ติดตั้งม่านดักตะกอน (Silt Curtain) ตลอดแนวชายฝั่งน้ำตื้น (ความลึกน้อยกว่า 5 เมตร) ในระหว่างที่มีการติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่กระจายของสารแขวนลอย รวมถึงป้องกันไม่ให้ปลาหรือสัตว์ทะเลอื่น ๆ เข้ามาในบริเวณที่มีการก่อสร้าง







