“เอ็กโก กรุ๊ป”ลุยลงทุนสหรัฐหนุนไทย เจรจาภาษี-เติมพอร์ตพลังงานสะอาด

ความสับสนวุ่นวายทั่วโลก ทั้งทางการค้า ภูมิรัฐศาตร์ และกำลังจะล่วงล้ำไปถึงภูมิเศรษฐศาสตร์ นั้นกำลังทำให้การหน่วยธุรกิจต่างๆต้องเผชิญความท้าทายที่สูงมากซึ่งโจทย์คือต้องผ่านไปให้ได้แบบมีผลกำไรที่ดีด้วย
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป กำหนดเดินหน้าธุรกิจบนพื้นฐานที่มีเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2583 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
ปัจจุบัน กำหนดเป้าหมาย มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,653 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) จำนวนนี้เป็นกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,450 เมกะวัตต์ คิดเป็น 22% ของกำลังผลิตทั้งหมด ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐ
จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า ภาระกิจของเอ็กโก คือการสนับสนุนนโยบายของประเทศที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและคาร์บอนเป็นศูนย์ตามลำดับ แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในปีนี้อัตราความเร็วไม่เหมือนปีก่อนๆ แต่เป้าหมายของเอ็กโกยังคงเหมือนเดิม คือมุ่งหน้าสู่พลังานหมุนเวียน แต่ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ที่พลังงานสีเขียวยังมีราคาแพงยังต้องเลือกใช้พลังงานจากก๊าซเป็นหลักเพื่อให้การผลิตไฟฟ้ามีราคาที่ยอมรับได้และยังคงคอนเซ็ปต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“แม้ว่าช่วงนี้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจะมีอัตราความเร็วและความเข้มแข็งไม่เท่าปีก่อนๆ แต่ในระยะยาวเรื่องเหล่านี้ยังเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น”
ปี 2568 แผนการลงทุนจะคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท โดยต้องพิจารณาปัจจัยการลงทุนที่เหมาะสมทั้งเวลา กิจการด้านการลงทุน สำหรับการลงทุนในตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มมาตรฐานแผนการลงทุนหรืออินเวสต์เมนต์ เกรด" (Investment Grade) คือประเทศที่เหมาะสำหรับการลงทุน พิสูจน์ได้จากกำไรที่ได้จากสหรัฐสัดส่วน 16-17% จากสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 65% ที่เหลือ 40-45% เป็นรายได้จากในประเทศ จึงกำลังทำยุทธศาสตร์เพื่อมุ่งสู่การเป็น โกบอล คอมพานี คาดว่าปลายปีนี้ยุทธศาสตร์จะแล้วเสร็จ หลักๆเพื่อตอบโจทย์ด้านการหารายได้และกำไร รวมถึง กลยุทธ์ Triple P ที่ประกอบด้วย 1.Profitability and Performance Energizing2.Power and Energy-related Focus3.People & Planet
ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐมีศัยภาพที่ดี นอกจากสัดส่วนผลกำไรทีดีแล้วการลงทุนในสหรัฐยังจะเป็นโอกาสที่ดีของไทยให้ได้รับการพิจารณาที่ดีมากขึ้นในการเจรจาภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในขณะนี้
ทั้งนี้ ธุรกิจพลังงานในสหรัฐ มีโอกาสที่ดีซึ่งดูได้จาก ราคาค่าไฟฟ้า 50-60 เซนต์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นเป็น 200 เซนต์ต่อหน่วย จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพในแง่ความต้องการและมูลค่า โดยหลักแนวทางการลงทุนจะผ่านเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจที่มีอยู่ในสหรัฐ ทั้ง บริษัท EGCO Pinnacle II, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ในสหรัฐ หรือ บริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง แอลแอลซี (เอเพ็กซ์) เป็นต้น ปัจจุบันอยู่ในแผนแล้ว 7-8 โครงการและยังมองหาโอกาสใหม่ๆต่อไปอีก
ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าทั่วโลกขณะนี้ รวมถึงความวุ่นวายในพื้นที่ต่างๆ มองว่าไม่ใช่เอ็กโกเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบแต่ธุรกิจพลังงานจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ธุรกิจพลังงานจึงยังมีความจำเป็นและเติบโตได้
ในส่วนโปรเจกต์การลงทุนใหม่ที่น่าสนใจได้แก่ แหล่งอะแสสกา ซึ่งบริษัทเอกชนของสหรัฐได้รับมอบหมายให้มองหาลูกค้าเพื่อร่วมงานในโปรเจกต์นี้ ไทยรวมถึงเอ็กโก ก็ได้รับการทาบทาม โดยมีบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และกระทรวงพลังงานเป็นแกนนำ ซึ่งได้ประชุมร่วมกันครั่้งหนึ่งและล่าสุดฝ่ายสหรัฐได้ลงนามกับปตท.เพื่อเริ่มต้นศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกัน
ทั้งนี้ แหล่งอะแลสกา มีก๊าซแอลเอ็นจีที่มากกว่าไทยร้อยเท่า ขณะเดียวกันก็มีธุรกิจตั้งแต่ต้นทาง ทั้งสำรวจ(Exploration) และผลิต(Production) ซึ่งไทยก็ต้องการก๊าซแอลเอ็นจีมาผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างไรก็ตาม อะแลสกา เป็นแหล่งติดทะเลใกล้กับรัสเซีย จึงมองการขนส่งทางท่อมากกว่าการขนส่งทางทะเล ซึ่งหลักการของไทยชัดเจนคือต้องมีต้นทุนเนื้อก๊าซบวกค่าขนส่งที่แข่งขันได้
นอกจากนี้ มองว่าการขนส่งด้วยท่อจากเหนือลงใต้ ก็เป็นธุรกิจที่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนอีกทางหนึ่งส่วนการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีหลักๆ หารือกับปตท.แล้วถึงแผนการนำเข้าซึ่งปัจจุบัน เกาหลีใต้ ได้เข้ามาคุยกับหลายประเทศ ทั้ง ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย เพื่อรวมกลุ่มกันสร้างอำนาจต่อรอง เพื่อให้ได้เงื่อนไขการลงทุนที่ดีที่สุดหากจะซื้อก๊าซจากอะแสสกา
“เรามี Shipper License ในการนำเข้า LNG ใช้ในโครงการในไทยอยู่แล้ว ส่วนการลงทุนในต่างประเทศมองหาตลาดศักยภาพที่ดี มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ซึ่งเอ็กโก มีการวิเคราะห์สถานการณ์ทุกเดือนและมีความระมัดระวังในการลงทุนโดยตลอด”
ปี 2568 ตั้งเป้าหมายกำไร 8% ทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลังกำลังพยายามทำให้ได้มากที่สุดคือสรุปให้ได้ 4-5 ดิว มีทั้งสหรัฐและตะวันออกกลาง
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนล่าสุด EGCO Group เริ่มเข้าไปลงทุนในไต้หวันปลายปี 2562 ด้วยการเข้าถือหุ้นใน บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งหยุนหลิน เพราะเล็งเห็นว่า ไต้หวันมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดที่ชัดเจน
สำหรับหยุนหลินเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วยกังหัน 80 ต้น ตันละ 8 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวม 640 เมกกะวัตต์







