บขส.พลิกโฉมบริการครั้งใหญ่ กางแผนรับรถใหม่ 311 คันปีนี้

บขส.ปรับทัพองค์กรครั้งใหญ่ รื้อบริการรถโดยสารใหม่ทั้งหมด 311 คัน พร้อมลุยสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ และขนส่งพัสดุ
KEY
POINTS
- บขส.ปรับทัพองค์กรครั้งใหญ่ รื้อบริการรถโดยสารใหม่ทั้งหมด 311 คัน พร้อมลุยสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ และขนส่งพัสดุ
- ประกาศพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของระบบขนส่งทางราง หันเป็นฟีดเดอร์ให้รถไฟทางคู่ที่กำลังจะทยอยเปิดให้บริการจำนวนมาก
- ลั่นประชาชนเตรียมทดลองใช้บริการรถโดยสารใหม่ เครื่องยนต์ทันสมัย ทยอยรับมอบล็อตแรก 99 คัน เดือน ก.ย.นี้
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เผชิญปัญหาผลดำเนินงานขาดทุนสะสมต่อเนื่องรวมกว่า 3,000 ล้านบาท โดยในช่วงโควิดขาดทุนถึง 1,600 ล้านบาท ก่อนจะปรับตัวพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการหารายได้ที่นอกเหนือจากการเดินรถ และทำให้ บขส.ลดการขาดทุนจนถึงปัจจุบันมีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่ที่ 170 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าในปีหน้า จะสามารถพลิกกลับมาหยุดขาดทุนและมีกำไรเป็นปีแรกหลังผ่านพ้นโควิด
นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่เพิ่งรับตำแหน่งเป็นผู้บริหาร บขส. เป็นคนที่ 17 โดยมีสัญญาจ้าง 4 ปี เริ่มลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายของการขับเคลื่อนองค์กร บขส.ให้ผ่านพ้นวิกฤตขาดทุนสะสม 3,000 ล้านบาทให้ได้ภายใน 4 ปีนับจากนี้ ซึ่งเป็นช่วงการบริหารของตน โดยระบุว่า ถึงเวลาที่ บขส.จะต้องปรับตัวพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง และการแข่งขัน มุ่งหารายได้ทุกด้าน ไม่เพียงการเดินรถ แต่จะต้องหาโอกาสสร้างรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์ และการขนส่งพัสดุที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยนโยบายของ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่กำกับดูแล บขส. เน้นย้ำว่า บขส.ต้องพัฒนาบริการให้ดีขึ้นต่อไป พร้อมทั้งวางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของระบบขนส่งทางราง รถไฟทางคู่ที่กำลังจะทยอยเปิดให้บริการจำนวนมาก ดังนั้น บขส.ปรับตัวเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว พัฒนาเส้นทางเดินรถเพื่อเป็นฟีดเดอร์เสริมการเดินทาง รวมไปถึงมองโอกาสในการพัฒนาเส้นทางเดินรถไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวกมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี เพื่อผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานต่างๆ บขส.ได้เปิดประมูลและทำสัญญากับเอกชนในการเช่ารถโดยสารใหม่เข้ามาบริการแล้วจำนวน 311 คัน เพื่อทำให้บริการหลักในด้านการเดินรถของ บขส.มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งตามแผนจะทยอยรับมอบล็อตแรกในวันที่ 9 ก.ย.นี้ จำนวน 99 คัน และรับมอบครบทั้งหมดภายในเดือน พ.ย.นี้ ทำให้บริการของ บขส.มีความสะดวกสบาย ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากรถโดยสารใหม่นี้ เป็นรถโดยสารสัญชาติเยอรมัน ยี่ห้อ MAN (เอ็มเอเอ็น) ซึ่งใช้เชื้อเพลิงดีเซล มีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัย ใช้เกียร์ออโต้ ช่วยประหยัดพลังงานลดลง 20 - 30% และได้มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับรถโดยสารที่ได้รับการยอมรับด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งการใช้วิธีจัดหารถโดยสารด้วยการเช่านั้น ทำให้ บขส.ประหยัดค่าดำเนินงานมากขึ้น เพราะเป็นสัญญาเช่าที่ครอบคลุมรวมถึงการซ่อมบำรุง และเป็นลักษณะคิดค่าเช่ารูปแบบไม่วิ่งไม่จ่าย หรือจ่ายค่าเช่าตามการใช้งานจริง ดังนั้น บขส.ไม่ต้องแบกรับค่าซ่อมบำรุงที่มีเฉลี่ยปีละกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งหากคำนวณค่าเช่ารวมค่าซ่อมบำรุง พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคันต่อวัน
“การเช่ารถโดยสารในลักษณะนี้ทำให้ บขส.สามารถรู้ต้นทุนและกำไรที่เกิดขึ้นต่อวันได้ทันที และทำให้บริหารค่าใช้จ่ายได้ เพราะมีต้นทุนเดียวที่เกิดขึ้น คือ ต้นทุนพนักงานขับรถและบริการต่างๆ ซึ่งจากการคำนวณตัวเลขแล้ว บขส.เชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้องค์กรมีกำไรเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 300 – 400 ล้านบาท ปีหน้าจะพลิกทำกำไรเป็นปีแรก และจะเป็นส่วนหนึ่งช่วยหักลบหนี้สะสมที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทลดลงต่อเนื่อง”
สำหรับรายละเอียดของสัญญาเช่ารถโดยสารใหม่รวมจำนวน 311 คัน จะแบ่งส่งมอบ 4 งวด ประกอบด้วย
งวด 1 วันที่ 9 ก.ย.2568 จำนวน 99 คัน
งวด 2 วันที่ 9 ต.ค.2568 จำนวน 95 คัน
งวด 3 วันที่ 8 พ.ย.2568 จำนวน 76 คัน
งวด 4 วันที่ 8 ธ.ค.2568 จำนวน 41 คัน
โดยสัญญาเช่าดังกล่าวมีบริษัท อิทธิพร อิมปอร์ต จำกัด เป็นคู่สัญญา ระยะเวลาเช่า 5 ปี โดยวันเริ่มต้นของสัญญาเช่ารถ จะนับตั้งแต่วันส่งมอบรถ เช่น รับมอบงวด 1 จำนวน 99 คัน สัญญาเริ่มวันที่ 9 ก.ย.2568 และมีอายุสัญญา 5 ปีจนสิ้นสุดสัญญา
ทั้งนี้รถโดยสาร 311 คัน บขส.จะนำมาให้บริการแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 VIP (ม.1 ก) ขนาด 12 เมตร จำนวน 24 ที่นั่ง จำนวน 28 คัน
2.รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 พิเศษ (ม.1 พ) ขนาด 12 เมตร จำนวน 32 ที่นั่ง จำนวน 50 คัน
3.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 (ม.1 ข) ขนาด 12 เมตร จำนวน 36 ที่นั่ง จำนวน 233 คัน
นายอรรถวิท กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน บขส.มีหนี้สะสมอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท จากแผนดำเนินงานที่ปรับเป็นการเช่ารถโดยสารทั้งหมด และการหารายได้นอกเหนือจากการเดินรถ ทั้งส่วนของการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีขนส่ง และบริการขนส่งพัสดุ จะทำให้ บขส.สามารถล้างหนี้สะสมที่มีอยู่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปีนับจากนี้ และมีเป้าหมายสร้างรายได้ที่ 3,500 ล้านบาทต่อปี ภายใน 2 ปี จากปัจจุบันที่มีรายได้ 1,988 ล้านบาท
โดยเป้าหมายรายได้ดังกล่าว บขส.จะแบ่งโจทย์ออกเป็น
รายได้จากการเดินรถประมาณ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 1,300 ล้านบาท
รายได้จากการขนส่งพัสดุภัณฑ์ประมาณ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 200 ล้านบาท
รายได้เชิงพาณิชย์ในพื้นที่สถานีมากกว่า 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 500 ล้านบาท







