‘Advantech ASEAN’ ชู ‘Edge AI - Edge Computing’ ดันอุตสาหกรรมเติบโต

Advantech ASEAN ชู “Edge AI & Edge Computing” ดันภาคอุตสาหกรรมอาเซียนเติบโตอย่างยั่งยืน
ประกาศพัฒนาโซลูชันร่วมกับพาร์ทเนอร์ ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมให้บริการครบวงจร
เมื่อวันที่เร็วนี้ๆ ที่ กรุงไทเป, ไต้หวัน บริษัท Advantech ได้จัดงาน IoT Automation Focused Partner Conference 2025 ภายใต้ธีม “Edge Computing & WISE-Edge in Action” ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้พันธมิตรจากทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนกลยุทธ์และร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมอัจฉริยะผ่านเทคโนโลยี Edge Computing และแพลตฟอร์ม WISE-Edge
นาย Hai Ngo, Regional Industrial Automation Sector Head – Advantech ASEAN ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบทบาทและวิสัยทัศน์ของทีมในภูมิภาค ว่าเรากำลังพยายามสนับสนุนลูกค้าในภูมิภาคอาเซียน และผลักดันให้ตลาด IIoT และ Automation เติบโต
ทั้งนี้เมื่อกล่าวถึง Market Chain ของ IIoT และ Automation ในบริบทของ Industry 4.0 และ Green Energy จะพบว่าทั้งสองตลาดมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากการวิจัยของ Advantech ระบุว่า เทคโนโลยีสำคัญที่ผลักดันการเติบโตนี้คือ Edge AI และ Edge Computing ซึ่งเกี่ยวข้องกับ IIoT Devices ที่เก็บข้อมูลจากเครื่องจักรและพื้นที่โรงงาน และ IIoT Controllers ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนา Smart Manufacturing ได้
“ปัจจุบัน เราโฟกัสที่ AI-powered analysis เพื่อนำโซลูชันมาใช้ใน Predictive Maintenance เพื่อวางแผนดูแลเครื่องจักรและระบบต่าง ๆ ในโรงงาน ว่าควรซ่อมแซม ดูแล หรือเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาใด เพื่อลด Downtime และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เพราะการเสียหายครั้งหนึ่งสร้างความเสียหายมหาศาล”
นอกจากนี้ปัจจุบันหลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับ Net Zero ในกระบวนการผลิต ดังนั้น Green IIoT จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมให้ยั่งยืน ซึ่งนำไปสู่การขยายโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สำหรับภูมิภาคอาเซียนในปัจจุบัน มีหลายบริษัทที่แสวงหาโอกาสจากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศในภูมิภาค เช่น เวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็น 3 ประเทศหลักที่ได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน บริษัทในพื้นที่เหล่านี้จึงมีโอกาสเป็น Vendor หรือ Supplier ให้กับโรงงานใหม่เหล่านั้น โดยเสนอ Completed System และ After-Service ที่ตอบโจทย์
นอกจากนี้ ยังมีความต้องการ Smart Solutions เพื่อช่วยลดต้นทุนในกระบวนการผลิต เช่น ระบบ OEE รวมถึงการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิต ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบริษัทในอาเซียน
นาย Hai ยังชี้ให้เห็นว่าความท้าทายที่พบในเวียดนามคือ Local SI (Local System Integrator) ที่ยังขาดประสบการณ์ใน New Solutions เช่น Intelligent Solution, AI, หรือ Energy Management เมื่อมีความต้องการจากลูกค้า SI เหล่านี้จึงยังไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเรียนรู้ Pain Points ของลูกค้า และกลับมาปรึกษาร่วมกับทีม เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ตรงความต้องการ
“ผมเชื่อว่า Advantech จะเป็นผู้เล่นสำคัญในช่วงเวลาเช่นนี้ และกลายเป็นพื้นฐานความสำเร็จในยุค Industrial 4.0 และ IIoT เพราะเรามีทรัพยากร, ความเข้าใจในอุตสาหกรรม และพันธมิตรที่สามารถร่วมพัฒนาโซลูชันเพื่อออกสู่ตลาดได้รวดเร็ว นี่คือ Fast Way ไม่ใช่ Best Way แต่สามารถสร้างการเติบโตให้บริษัทในภูมิภาคได้อย่างแน่นอน”
ในด้านการสนับสนุนพันธมิตรในอาเซียน Advantech ได้ริเริ่ม ASEAN Self-Service Centre เนื่องจากหลายโซลูชันจากไต้หวันยังไม่สามารถนำมาใช้งานในแต่ละประเทศได้ทันที อันเนื่องมาจากความแตกต่างด้าน Operation Mindset, Policy และบริบทของแต่ละอุตสาหกรรม ดังนั้น การทำงานร่วมกับ Local SI ที่เข้าใจลูกค้าในพื้นที่ จึงเป็นหัวใจสำคัญ
ศูนย์ ASEAN Self-Service Centre จะทำหน้าที่นำโซลูชันจากไต้หวันมาปรับร่วมกับ Domain Focused Partners ที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละประเทศ โดยมีทีม Integration และ Software Development ของ Advantech คอยสนับสนุน จนเกิดเป็นโครงการที่ตอบโจทย์และประสบความสำเร็จร่วมกัน
ในส่วนของกลยุทธ์สำคัญของ Advantech ขณะนี้คือการพา Partners เปลี่ยนจาก Hardware Selling สู่ Software Selling เพื่อตอบโจทย์ Niche Market ผ่านการร่วมสร้าง Ecosystem Partners ประกอบด้วย Consultants Partners, Solution Partners, และ Hardware Manufacturer เช่นในประเทศไทยที่ร่วมงานกับ Qonnect บริษัทในเครือ SCG ซึ่งสามารถทำทั้ง Hardware และ Software และล่าสุดได้ร่วม Integrate โซลูชันเข้ากับแพลตฟอร์มของ Advantech เพื่อนำเสนอให้ Local Distributor และลูกค้าต่อไป
“การทำธุรกิจในยุค IIoT มีความซับซ้อน เพราะโซลูชันยังใหม่ แต่ผมเชื่อว่า Local Partners และ SI จะสามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงได้”
ในส่วนของการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับบริษัทขนาดกลาง ขนาดเล็ก และสตาร์ทอัพที่มีแนวคิดดี แต่ขาดทรัพยากรในการ R&D พร้อมย้ำว่า หากไม่มีการสนับสนุนก็จะไม่สามารถนำโซลูชันเข้าสู่ตลาดได้ และอาจจะหายไปจากอุตสาหกรรมได้เลย
เวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่มีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุน Digital Transformation และการพัฒนาโซลูชันผ่านโครงการที่สร้างพื้นที่ให้ธุรกิจร่วมตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล เช่น การสนับสนุน Startup Facility, Industry Associations รวมถึงการทำงานขององค์กรอย่าง Vietnam Software & IT Services Association (VINASA) ที่มีบทบาทเป็นตัวกลางในการสื่อสารนโยบาย และส่งเสริมการพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ผ่านกิจกรรม Coffee Talk, การเชื่อมโยงสมาชิก และการสนับสนุนงบประมาณไปดูงานต่างประเทศในระดับอุตสาหกรรม
คู่แข่งด้านซอฟต์แวร์ของ Advantech ในไทย
Advantech มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าร่วมกับพันธมิตร โดยเชื่อว่าการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยโซลูชัน จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดผ่านความร่วมมือ มากกว่าการดำเนินงานเพียงลำพัง นี่เป็นคอนเซ็ปต์หลักที่เราใช้ในภูมิภาคอาเซียน โดยคีย์สำคัญคือการพัฒนาโซลูชันให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เพื่อให้โปรเจกต์สามารถเกิดขึ้นได้จริงและประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ เราไม่ได้มองฝ่ายใดว่าเป็นคู่แข่ง แต่กลับมองว่าเป็นพันธมิตร เพราะหากโซลูชันของอีกฝ่ายดีกว่า แล้วเหตุใดเราจะไม่นำโซลูชันนั้นมาใช้งานบนแพลตฟอร์มของเรา?
เราเรียกแนวทางนี้ว่า “Co-Create” ที่เรามุ่งเน้นการสร้างคุณค่าในระยะยาวมากกว่าการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากเราเข้าใจความต้องการเฉพาะทางของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ทั่วไปอาจมองข้าม นอกจากนี้ การให้บริการหลังการขายอย่างต่อเนื่องและไร้รอยต่อก็ยังเป็นหัวใจสำคัญที่เรายึดถือ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการใช้งานจริง
“ผมเชื่อว่า ทิศทางของ Advantech ในตอนนี้ ถือว่ากำลังมาถูกทาง เพื่อไปสู่ความสำเร็จในอนาคตอย่างมั่นคง” นาย Hai กล่าวปิดท้าย







