ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังรายงานชี้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังผู้ค้าจับตาสัญญาณการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ และผลกระทบจากกำแพงภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
บลูมเบิร์ก รายงาน ราคาน้ำมันวันนี้ (9 ก.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังผู้ค้าจับตาสัญญาณการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และผลกระทบจากกำแพงภาษีศุลกากรของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทรงตัวที่ระดับใกล้ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 2 วันติดต่อกัน และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) อยู่ที่ประมาณ 68 ดอลลาร์ สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐอเมริกา รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 7.1 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งหากข้อมูลของรัฐบาลยืนยันรายงานนี้ในวันพุธ จะเป็นการเพิ่มสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม
นักลงทุนยังคงจับตาดูนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และผลกระทบต่ออุปสงค์ โดยทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะผลักดันวาระการขึ้นภาษีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเน้นย้ำว่าจะไม่ขยายเวลาการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมสำหรับประเทศที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ประธานาธิบดียังระบุว่าจะกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับการนำเข้าทองแดงด้วย
ราคาน้ำมันลดลงในปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากประเทศเป้าหมาย ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเมื่อไม่นานนี้ทำให้มีความผันผวนมากขึ้น แต่ขณะนี้ข้อตกลงสงบศึกที่ยังมีความไม่แน่นอนได้เกิดขึ้นแล้ว ตลาดหันกลับมาให้ความสำคัญกับการค้าโลกและนโยบายการจัดหาน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส อีกครั้ง
ที่สหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่ผันผวนกำลังจำกัดการขุดเจาะ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของการผลิตน้ำมันดิบในปีนี้ลงประมาณ 50,000 บาร์เรลต่อวันเหลือ 160,000 บาร์เรลต่อวัน จำนวนแท่นขุดเจาะลดลงอย่างต่อเนื่องและอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ราคาอัปเดตเช้านี้
ราคาน้ำมันเบรนท์สำหรับการส่งมอบในเดือนกันยายนลดลง 0.2% อยู่ที่ 69.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 8.39 น. ตามเวลาในสิงคโปร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI สำหรับการส่งมอบในเดือนสิงหาคมลดลง 0.3% อยู่ที่ 68.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล







