“เงินเฟ้อ”ครึ่งปีแรกเพิ่ม0.37%สวนทาง มิ.ย.ติดลบเดือนที่3ชี้ยังไม่ใช่“เงินฝืด”

“เงินเฟ้อ”ครึ่งปีแรกเพิ่ม0.37%สวนทาง    มิ.ย.ติดลบเดือนที่3ชี้ยังไม่ใช่“เงินฝืด”

สนค.เผย เงินเฟ้อเฉลี่ยครึ่งปีแรก2568 (ม.ค.-มิ.ย.)เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567สูงขึ้น 0.37%สวนทางเดือนมิ.ย. 2568 ติดลบ 0.25 % ต่อเนื่องมา 3 เดือน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อ เดือนมิ.ย. 2568 ติดลบ 0.25 % ต่อเนื่องมา 3 เดือน โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง และค่ากระแสไฟฟ้า ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการโดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี ยังมีสินค้าอาหารบางรายการที่มีราคาสูงขึ้น อาทิ เนื้อสุกร และอาหารสำเร็จรูป สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผล

กระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

ส่วนดัชนีเทียบกับ พ.ค. 2568 พบว่าเพิ่มขึ้น 0.02%  (MoM) และดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ยครึ่งปีแรก2568 (ม.ค.-มิ.ย.)เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567สูงขึ้น 0.37%(AoA)

ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก)สูงขึ้น1.06% (YoY)ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนพ.ค. 2568 ที่สูงขึ้น 1.09% (YoY)

ราคาพลังงาน-อาหารฉุดเงินเฟ้อ

        ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่ลดลงมาจากราคาน้ำมันและราคาอาหารสดบางชนิดที่ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งผลจากมาตรการของรัฐบาลในการลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนทั้งค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ซึ่งรายการสินค้าในหมวดพลังงาน มีสัดส่วนถึง 12.19% ของการคำนวณในตะกร้าเงินเฟ้อ

โดยข้อมูลราคาพลังงานย้อนหลังของปี 2567 เทียบกับปีนี้ จะพบว่าราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เดือนเม.ย.2567 อยู่ที่ลิตรละ 40.04 บาท เดือนพ.ค.2567 อยู่ที่ลิตรละ 38.98 บาท และมิ.ย.2567 อยู่ที่ลิตรละ 37.98 บาท แต่พอมาปีนี้ ราคาน้ำมันลดลงมาก โดยเดือนเม.ย.2568 อยู่ที่ลิตรละ 33.18 บาท พ.ค.2568 อยู่ที่ลิตรละ 32.79 บาท และมิ.ย.2568 อยู่ที่ลิตรละ 32.95 บาทขณะที่ราคาน้ำมันดีเซล ลดลงจากลิตรละ 32.96 บาทในเดือนมิ.ย.2567 มาอยู่ที่ลิตรละ 31.87 ในเดือนมิ.ย.2568

นอกจากนี้ ราคาพืชผักสดในปีนี้ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วยเช่นกัน เช่น มะเขือเทศ พริกสด และกะหล่ำปลี เป็นต้น โดยสินค้าในหมวดผัก-ผลไม้สด มีสัดส่วน 4.5% ของการคำนวณในตะกร้าเงินเฟ้อ

ยันยังไม่เข้าภาวะสู่เงินฝืด

อย่างไรก็ตาม การที่เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องกัน 3 เดือน ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานและอาหารสดบางรายการ ส่วนเงินเฟ้อเดือน ก.ค. คาดว่าจะลดลงอีก ซึ่งส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสที่ 3ปี 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2ที่อยู่ที่ ติดลบ 0.35 %โดยเงินเฟ้อมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง หลังจากมีการทำข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของความขัดแย้ง ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนพ.ค. – ส.ค. 2568ลง 17สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98บาทต่อหน่วย

รวมทั้งฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ทำให้ผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น และ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตามคาดว่าเงินเฟ้อในไตรมาส 4 จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้

พาณิชย์คงคาดการณ์ทั้งปีโต 0.0-1.0%

“กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0 % ค่ากลาง 0.5 % ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง”

       โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนพ.ค. 2568พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.57 % อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 6จาก 137 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8ประเทศที่ประกาศตัวเลข ได้แก่บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว

    เงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ติดลบ 0.25 % มาจาก หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.45 % จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (น้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม) และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) ขณะที่มีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และค่าอาหารสัตว์เลี้ยง

หมวดอาหารและเครื่องดื่มพุ่ง 1.64% 

        หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.64 % จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (เนื้อสุกร ปลานิล ปลาทู) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช กะทิสำเร็จรูป มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำพริกแกง) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน น้ำตาลมะพร้าว) อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง โดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด (มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ต้นหอม ถั่วฝักยาว ขิง มะนาว) ผลไม้สด (ทุเรียน ส้มเขียวหวาน มะม่วง แตงโม องุ่น) ไก่ย่าง และอาหารโทรสั่ง (Delivery)

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 1.06 % ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนพ.ค. 2568ที่สูงขึ้น 1.09 %

ในส่วนค่าใช้จ่ายของครัวเรือนเดือนมิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 21,043 บาท  สัดส่วน 60.44% เป็นการใช้จ่ายในหมวดสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอออล์ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม สัดส่ว 24.54%  หรือ 5,164 บาท รองลงมาคือ ค่าโดยสารสาธารณะ ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ 22.17%  หรือ 4,666 บาท  ค่าแพทบ์ ค่ายา และค่าบริการส่วนบุคคล สัดส่วน 6.35% หรือ 1,336 บาท 

ที่เหลือ สัดส่วน 39.56%  เป็นการใช้จ่ายในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์  เช่น อาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง KFC Pizza Delivery) สัดส่วน 16.68% หรือ 3,509 บาท  เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ สัดส่วน 7.42% หรือ 1,561 บาท  ผักและผลไม้ สัดส่วน 4.89% หรือ 1,028 บาท 

“เงินเฟ้อ”ครึ่งปีแรกเพิ่ม0.37%สวนทาง    มิ.ย.ติดลบเดือนที่3ชี้ยังไม่ใช่“เงินฝืด”