ธุรกิจตัั้งใหม่ในอีอีซียังโต9% ญี่ปุ่นเบอร์หนึ่งนำจีนและสิงคโปร์

โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : Eastern Economic Corridor (EEC) ประกอบด้วย เขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง
ยังคงมีการเคลื่อนไหวทางธุรกิจ โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า การจัดตั้งธุรกิจใหม่ ในเดือน ม.ค. – พ.ค. 2568 มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเขตพื้นที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง รวม 4,968 ราย ทุนจดทะเบียน 20,289.37 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ม.ค. – พ.ค. 2567 จำนวน 4,547 ราย เติบโตเพิ่มขึ้น คิดเป็น 9.26%
ด้านมูลค่าทุนจดทะเบียน 18,393.61 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นคิดเป็น 10.31% โดย 77.43% เป็นการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จำนวน 3,847 ราย การดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันพื้นที่ 3 จังหวัด (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) ในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มีนิติบุคคลคงอยู่ ณ 31 พ.ค. 2568 จำนวน 96,727 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1,969,849.02 ล้านบาท แบ่งเป็น จ.ชลบุรี70,569 ราย (คิดเป็น 72.96%) จ.ระยอง 18,171 ราย (คิดเป็น 18.79%) และ จ.ฉะเชิงเทรา 7,987 ราย (คิดเป็น 8.26%)
ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการ คิดเป็น 61.31% รองลงมาคือการขายส่งขายปลีก คิดเป็น 23.83% และการผลิต คิดเป็น 14.86% ธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่ที่มีจำนวนสูงสุด 3 อันดับ ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ การผลิต (1) ธุรกิจกลึงกัดไสโลหะ จำนวน 989 ราย มีรายได้13,182.51ล้านบาท (2) ธุรกิจติดตั้งเครื่องจักร อุตสาหกรรมและอุปกรณ์จำนวน 749ราย มีรายได้ 11,547.15ล้านบาท และ (3) ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริม สำหรับยานยนต์จำนวน 717 ราย มีรายได้ 878,902.56ล้านบาท
ขายส่ง/ปลีก (1) ธุรกิจขายส่งเครื่องจักรอื่น ๆ จำนวน 1,832ราย มีรายได้31,337.95ล้านบาท (2) ธุรกิจขายส่ง เครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรม จำนวน 1,175ราย มีรายได้20,893.60 ล้านบาท และ (3) ธุรกิจขาย ปลีกวัสดุก่อสร้าง จำนวน 937ราย มีรายได้ 40,979.15ล้านบาท
บริการ (1) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 18,410ราย มีรายได้ 57,702.26ล้านบาท (2) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 6,254ราย มีรายได้68,211.07 ล้านบาท และ (3) ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารจำนวน 3,152ราย มีรายได้ 8,630.69ล้านบาท การถือหุ้นของต่างชาติในนิติบุคคลไทยคิดเป็น 60.02% ของทุนทั้งหมด โดยสัญชาติญี่ปุ่นมีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 33.40% รองลงมาคือ จีน มีสัดส่วนคิดเป็น 20.26% และสิงคโปร์มีสัดส่วนคิดเป็น 10.79% โดยมีการลงทุน ในจังหวัดระยองสูงสุดคิดเป็น 48.77%
ธุรกิจที่ลงทุนโดยสัญชาติญี่ปุ่นสูงสุด 3 อันดับแรก เรียงลำดับจากมูลค่าทุนจดทะเบียน ได้แก่ 1. ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับยานยนต์ มูลค่าการลงทุน 81,401.05 ล้านบาท 2. ผลิตอะลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม มูลค่าการลงทุน 38,817.31 ล้านบาท 3. ผลิตยางล้อและยางใน มูลค่าการลงทุน 31,797.30 ล้านบาท
ธุรกิจที่ลงทุนโดยสัญชาติจีนสูงสุด 3 อันดับแรก เรียงลำดับจากมูลค่าทุนจดทะเบียน ได้แก่ 1. ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ สำหรับยานยนต์ มูลค่าการลงทุน 20,323.88 ล้านบาท 2. ผลิตยางล้อและยางใน มูลค่าการลงทุน 16,842.46 ล้านบาท 3. การผลิตเหล็กและเหล็กกล้า มูลค่าการลงทุน 14,005.88 ล้านบาท
ธุรกิจที่ลงทุนโดยสัญชาติสิงคโปร์สูงสุด 3 อันดับแรก เรียงลำดับจากมูลค่าทุนจดทะเบียน ได้แก่ 1. ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มูลค่าการลงทุน 16,555.55 ล้านบาท 2. ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับยานยนต์ มูลค่าการลงทุน 13,441.77 ล้านบาท 3. ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใช้ในครัวเรือน มูลค่าการลงทุน 7,620.56 ล้านบาท







