SCGC ชี้ภาษีสหรัฐ ป่วนตลาดอาเซียนแข่งดุ ลุ้นผลเจรจาทีมไทยแลนด์

"SCGC" หวั่นภาษีนำเข้าสหรัฐ กระทบขีดแข่งขันในอาเซียน แม้ไทยยังไม่ถูกประกาศโดยตรง มองปิโตรเคมีเลยจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังต้องจับตาหลายความเสี่ยง
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เปิดเผยถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลังว่า ยังคงเผชิญความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
"สถานการณ์ปิโตรเคมีครึ่งปีหลังเรื่องของวัตถุดิบลดต่ำลง โดยเฉพาะไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนโครงการ LSP ในเวียดนามยังไม่สามารถแข่งขันได้ดีนัก โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ปลายเดือนส.ค. หรือต้นเดือนก.ย. 2568 นี้ แต่ในประเทศไทยสถานการณ์แตกต่างกัน เพราะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ (Downstream) ใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะผลิตสินค้าที่แตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มออกสู่ตลาดรับกับความต้องการของลูกค้า"
สำหรับช่องว่าง (Gap) ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อย ทว่ากำลังการผลิตจากประเทศจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2570-2571 ซึ่งการเกิดซัพพลายขนาดใหญ่ต่อเนื่องเช่นนี้ จะทำให้ความต้องการ (Demand) ผันผวน สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่จะถูกถ่วงดุลด้วยกำลังการผลิตเก่าที่ยังดำเนินการอยู่ และทำให้ผู้ผลิตบางโรงงานอาจต้องหยุดการผลิตไปในที่สุด
สำหรับปัจจัยความท้าทายที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีครึ่งปีหลัง ได้แก่ ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ล่าสุดสหรัฐฯ ปิดดีลเก็บภาษีนำเข้ากับเวียดนามที่ 20% นั้น ถือว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเวียดนามเพราะว่าสินค้าที่ผลิตแทบจะไม่ได้ส่งไปสหรัฐฯ เลย ส่วนการนำเข้าอีเทนเป็น 0% อยู่แล้ว จึงไม่ต้างจากเดิม
ในขณะที่การเจรจาภาษีของสหรัฐฯ ต่อประเทศไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศตัวเลขในภาพรวม ส่วนผลกระทบโดยตรงต่อ SCGC นั้นไม่มี เนื่องจากปัจจุบันแทบจะไม่มีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ โดยตรง และการนำเข้าอีเทนมายังประเทศไทยในปัจจุบันยังคงเป็น 0% แต่จะกระทบทางอ้อมเรื่องของกลุ่มเม็ดพลาสติกที่เกิดจากซีพพลายของจีนที่เพิ่มขึ้นมาสู่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่ยังมีแนวโน้มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การโต้ตอบทางการค้าอาจส่งผลกระทบทางอ้อม หากประเทศคู่แข่งของไทยสามารถเจรจาภาษีกับสหรัฐได้ต่ำกว่าไทย ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันไทยต่ำและลดลงตามไปด้วย
"เรามีลูกค้าต่างประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะในเวียดนาม หากการเจรจาทางการค้าดีขึ้น กลุ่มธุรกิจของเราก็สามารถดำเนินต่อไปได้ดี" นายศักดิ์ชัย กล่าว
นายศักดิ์ชัย เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับตัวของทั้งผู้ประกอบการและภาครัฐว่า ลูกค้าทุกคนกำลังเตรียมตัว ซึ่งบริษัทฯ ได้พูดคุยและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า เพื่อให้เร่งปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ จากกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆ ที่ออกมาในประเทศอาจทำให้การแข่งขันยากขึ้น รัฐจะต้องช่วยกันปกป้อง เพื่อให้อุตสาหกรรมของเราอยู่รอดได้
ทั้งนี้ ธุรกิจปิโตรเคมียังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง และมีกำลังการผลิตใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หากไม่สามารถแข่งขันได้ ก็อาจจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลง เพื่อรักษาสมดุลของตลาด
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าถึงแม้การแข่งขันจะรุนแรง แต่ก็ไม่ทำให้ผู้ประกอบการตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งเราได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
SCGC มีแผนธุรกิจของเรามีทั้งระยะสั้นและระยะยาว แบ่งเป็น
แผนระยะสั้น
- ลดต้นทุนวัตถุดิบ
- ลดเงินทุนหมุนเวียน
- ลดค่าใช้จ่ายโดยการนำ ดิจิทัลและ AI มาใช้
- เร่งพัฒนาสินค้า HVA (High Value Added) และสินค้า Green
- เร่งขยายธุรกิจ บริการและโซลูชั่นแบบครบวงจร
- ขยายธุรกิจ PVC Fabrication
ส่วนระยะยาว
- นำเข้าวัตถุดิบอีเทนเพื่อลดต้นทุน
- โครงการ LSPE เพื่อขีดการแข่งขันและสร้างการเติบโต







