เปิดมูลค่าการค้าปลีกไทย ปี 67  มูลค่า 4.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.02%

เปิดมูลค่าการค้าปลีกไทย ปี 67  มูลค่า 4.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.02%

สนค.รายงานสถานการณ์ "ธุรกิจค้าปลีก" ปี 67   ตลาดค้าปลีกโลกมีมูลค่าประมาณ 18.60 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1 % เผย ปี 2562–2567 การเติบโตของยอดขายค้าปลีกทั่วโลกกว่า 96% มาจากการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซในรูปแบบมาร์เก็ตเพลส ขณะที่ไทยตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่า 4.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.02%

KEY

POINTS

Key Point

  • ปี 67 ตลาดค้าปลีกโลกมีมูลค่าประมาณ 18.60 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1 % เมื่อเทียบกับปี 66
  • คาด ปี 2572 ตลาดค้าปลีกโลกจะมีมูลค่ามากกว่า 20.8 ล้านล้านดอลลาร์
  • สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของยอดขาย
  • ปี 67  ตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่า 4.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.02% จากปี2566
  • ยอดการค้าปลีกของไทยปี 2567-2572 จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 4.5 % คาดปี 2572 ตลาดค้าปลีกไทยจะมีมูลค่า 5.61 ล้านล้านบาท
  • ารเติบโตของการค้าออนไลน์ มีปัจจัยบวก มาจากการกลับเข้าสู่ภาวะปกติของการท่องเที่ยว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” และ”ซอฟต์พาวเวอร์”

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายงานสถานการณ์ “ธุรกิจค้าปี 2567” พบว่า ปี 67 ตลาดค้าปลีกโลกมีมูลค่าประมาณ 18.60 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1 % เมื่อเทียบกับปี 66  จากแรงขับเคลื่อนหลักของภาคการค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการค้าปลีกช่องทางออนไลน์ คือ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตของการค้าปลีกทั่วโลก ขณะที่ยอดการค้าปลีกแบบหน้าร้านค้าออฟไลน์ลดลงเล็กน้อย

ในช่วงปี 2562-2567 การเติบโตของยอดค้าปลีกทั่วโลกกว่า 96 % มาจากการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซในรูแบบมาร์เก็ตเพลสเป็นหลัก สหรัฐยังคงเป็นตลาดค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของยอดขาย โดยยอดขายปลีกของสหรัฐและจีน (อันดับ 2 ของโลก) คิดเป็นสัดส่วน 43 % ของยอดขายค้าปลีกทั่วโลก อย่างไรก็ตามสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มียอดขายค้าปลีกต่อหัวสูงที่สุดในปี 2567

ส่วนแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกของโลกในอนาคตนั้น รายงานระบุว่า ในช่วงปี 2567-2572 คาดการณ์ว่ายอดขายค้าปลีกโลกจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี(CAGR) ที่  2% โดยในปี 2572 ตลาดค้าปลีกโลกจะมีมูลค่ามากกว่า 20.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตลาดค้าปลีกทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตโดย 64% ของมูลค่าการเติบโตจะมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนพฤติกรรมไปจับจ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้ ยอดขายออนไลน์จะคิดเป็นสัดส่วน 74% ของการเติบโตของยอดขายค้าปลีกทั้งหมด

 

โดยอัตราการเข้าถึงการค้าปลีกออนไลน์ (e-commerce penetration) จะเพิ่มขึ้นเป็น 28% ในปี 2572 จาก 22% ในปี 2567 และในปี 2568 เกาหลีใต้จะกลายเป็นประเทศแรกในประวัติศาสตร์ที่มีมูลค่ายอดขายค้าปลีกส่วนใหญ่ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ 50.3% และในปี 2572 คาดว่าจีนจะก้าวขึ้นมาแซงหน้าสหรัฐฯกลายเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สำหรับสถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกของไทย ปี 67  ตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่า 4.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.02% จากปี2566 โดยในปี2567 มูลค่าตลาดค้าปลีกของไทยยังคงมาจากช่องทางออฟไลน์เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของการค้าปลีกออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี  จาก 20.45% ในปี 2565 เป็น  23.50% ในปี  2567 ซึ่งการค้าปลีกออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเพิ่มขึ้น 379% เมื่อเทียบกับปี 2562

ในขณะที่การค้าปลีกออฟไลน์เติบโต 0.2% ทั้งธุรกิจค้าปลีกมี สัดส่วนแรงงานอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด และในปี  2567 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 0.03 เมื่อเทียบกับปี  2566 โดยมีแรงงานจำนวน 2,975,903 คน เพิ่มขึ้น 1.96 % จากปี 66  ขณะที่มีผู้ประกอบการในธุรกิจค้าปลีก 922,126 ราย เพิ่มขึ้น 0.33 % จากปี  66 โดย 99.77 % เป็นผู้ประกอบการ SMEs

 

รายงานยังระบุถึงแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกของไทยในอนาคต ว่า คาดการณ์ว่า ธุรกิจค้าปลีกของไทยจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2567-2572 ยอดการค้าปลีกไทยจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 4.5 % โดยในปี 2572 ตลาดค้าปลีกไทยจะมีมูลค่า 5.61 ล้านล้านบาท

โดยมีปัจจัยบวกมาจาก การเติบโตของการค้าออนไลน์ การกลับเข้าสู่ภาวะปกติของการท่องเที่ยว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” และ”ซอฟต์พาวเวอร์” ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดการค้าปลีก แต่ก็ต้องจับตาปัจจัยลบ อาทิ ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภาระหนี้ครัวเรือในระดับสูง ผู้บริโภคใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็น โดยการแข่งขันในตลาดค้าปลีกไทยจะมีความรุนแรงมากขึ้นทั้งจากผู้ค้าภายในประเทศและต่างชาติ