วัดฝีมือ 2 รัฐมนตรีพาณิชย์ป้ายแดง “จตุพร-ฉันทวิชญ์ ” ขับเคลื่อนงานพาณิชย์

วัดฝีมือ  2 รัฐมนตรีพาณิชย์ป้ายแดง “จตุพร-ฉันทวิชญ์  ” ขับเคลื่อนงานพาณิชย์

พาณิชย์ รับ 2 รัฐมนตรีป้ายแดง เฉพาะกิจ จาก 2 พรรค ขับเคลื่อนงานพาณิชย์ ท่ามกลางสารพัดปัญหา "จตุพร" ประกาศ วิชชั่น“ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” ภายใต้นโยบาย 6 ข้อ

KEY

POINTS

Key Point

  • กระทรวงพาณิชย์มีรัฐมนตรีใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการฯ ซึ่งเป็นข้าราชการมากประสบการณ์ และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยฯ ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่
  • นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ประกาศวิสัยทัศน์ “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” พร้อมนโยบาย 6 ข้อเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 
  • ทั้งสองรัฐมนตรีได้เริ่มปฏิบัติภารกิจทันทีหลังถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อส่งเสริมการส่งออกผลไม้ และจังหวัดหนองคายเพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน
  • จับตาการทำงานของรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งมาจากต่างพรรคและต่างประสบการณ์ ว่า จะสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มีประสิทธิภาพเพียงใดในช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาล

ครม.แพทองธาร 2 คลอดแล้ว ซึ่งไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับประชาชนสักเท่าไร เพราะเป็นครม.ต่างตอบแทน โดยกระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่มีความสำคัญทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งการปรับครม.ครั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง   2 คน ประกอบด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

โดยคนหนึ่งเป็นข้าราชการผู้ใหญ่มากด้วยประสบการณ์ในการบริหารงานกระทรวง ขณะที่อีกคนเป็นเด็กรุ่นใหม่ หรือเจน y   เป็นนักเศรษฐศาสตร์ การเงินรุ่นใหม่

“จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ “ปลัดตุ๋ม ” ผู้มากประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก จากข้าราชการสู่การรัฐมนตรี มีชื่อเป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวงพลังงาน แต่สุดท้ายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  โดยตำแน่งนี้เป็นโควตากลาง ว่ากันว่า  นายทุนใหญ่ เป็นผู้ส่งเข้าประกวด  โดยก่อนหน้านี้มีกระแสว่าเขาจะถูกวางตัวให้เป็นหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่

ขณะที่ “ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์” ลูกชายของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย  เป็นโควตากลางของพรรคเพื่อไทย ที่ให้กับกลุ่มสส.ที่มาสนับสนุนรัฐบาล คนรุ่นใหม่ด้วยวัยเพียง 35 ปี 7 เดือน ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ไฟแรง ว่ากันว่า คุณพ่อฐากร ได้โควตารัฐมนตรีช่วยฯ  1 คนจากผลงานนำส.ส. 5 คน มาซบรัฐบาล  จึงส่งลูกชายบุตรชายคนโต เข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรี

โดยรัฐมนตรีทั้ง 3 คนจาก 2 พรรคการเมือง จะเข้ามาบริหารและขับเคลื่อนงานกระทรวงพาณิชย์ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล “เพื่อไทย”  

ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการพาณิชย์อีก 1 คน ยังคงเป็นคนเดิม คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น จากกลุ่ม 18 ที่ไม่สามารถขยับออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ทั้งที่มีกระแสข่าวว่า ต้องการขยับไปนั่ง รมช.กระทรวงมหาดไทยหรือรมว.กระทรวงแรงงาน  

ทั้งนี้"นายจตุพร" ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงความเหมาะสมของผู้ที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ที่ไม่ตรงกับสายงาน  ซึ่งเจ้าตัวไม่หวั่น พร้อมปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับประกาศวิชชั่น “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย”

โดยมีนโยบาย 6 ข้อ 1.ดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรม 2.เพิ่มโอกาสทางการค้า เปิดตลาดโลก สร้างโอกาสไทย  3.คุ้มครองผู้บริโภคอย่างเท่าเทียม 4.เปิดพื้นที่ให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมตรวจสอบ 5.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อให้ทุกครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ6.มุ่งมั่นประสานงาน แก้ไขปัญหาทั้งระบบไม่มีเส้นแบ่งระหว่างกระทรวง  โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ ทำให้ประชาชนมีความสุข

ภายหลัง 2 รัฐมนตรีป้ายแดงเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว รัฐมนตรีทั้ง 2 คน ก็ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการทันที โดย“จตุพร บุรุษพัฒน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่เข้ากระทรวง โดยนายจตุพร และนายสุชาติ ควงกันลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเปิดกิจกรรมเชื่อมโยงผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต ณ กลุ่มมังคุดบ้านนากุน หมู่ที่ 7 ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 

 

 

จากนั้น 5 ก.ค. นายจตุพร ได้เดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย และเป็นประธานเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดน จังหวัดหนองคาย โดยมีนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่างพรรคร่วมลงพื้นที่ด้วย  และ คาดว่าจะเข้ากระทรวงวันแรกในสัปดาหหน้า 

ขณะที่ “ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์” เข้ากระทรวงวันแรก 4 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมประกาศลุยงานด้านการค้าต่างประเทศ

คงต้องจับตาการบริหารงานของ  “รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง”  ซึ่งมองว่า เป็น รัฐมนตรีเฉพาะกิจ ในห้วงเวลาที่สถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน  ในการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ จะมีความต่อเนื่องและแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในเวลานี้มีปัจจัยรุมเร้าสารพัด ยิ่งเปลี่ยนตัวเจ้ากระทรวงก็ต้องเริ่มงานกันใหม่ การมอบหมายงานให้รัฐมนตรีรับผิดชอบ  การปรับตัวกันระหว่างรัฐมนตรีและข้าราชการ ซึ่งกว่าจะเข้าที่เข้าทางและเริ่มทำงานได้ก็น่าจะไม่น้อยกว่า  1 อาทิตย์ อย่างไรก็ตามต้องให้โอกาสรัฐมนตรีป้ายแดงพิสูจน์ฝีมือในช่วงเวลาจากนี้ไป