โจทย์หิน ‘จตุพร’ นั่ง รมว.พาณิชย์ เอกชนห่วงเจรจาสหรัฐ ‘ดันส่งออก’

“จตุพร” รับไม้ต่อกระทรวงพาณิชย์ จับตางานหินเจรจาภาษีสหรัฐ เจรจา FTA รับมือสงครามการค้ากระทบส่งออก สกัดสินค้าจีนทะลักสวมไทยส่งออก “เอกชน” หวังสานนโยบายแบบไร้รอยต่อ พร้อมให้น้ำหนักเจรจาภาษีทรัมป์ “หอการค้า” ห่วงเจรจาภาษีทรัมป์ สรท.เผย "จตุพร" ประสานขอข้อมูลผลักดันส่งออก
KEY
POINTS
Key Point
- รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ป้ายแดง "จตุพร บุรุษพัฒน์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ "นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่
- ภารกิจเร่งด่วนรมว.พาณิชย์ คนใหม่ ผลักดันการส่งออก
- หอการค้าไทย ให้โอกาส รมว.พาณิชย์ ทำงาน
- สรท.เสนอแนะแนวทางผลักดันการส่งออกไทยต่อรมว.พาณิชย์
จากการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 1/2 โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนมาก และเป็นกระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และมีการแต่งตั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คนใหม่ รวมทั้งมี นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คนใหม่
สำหรับรัฐมนตรีใหม่จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณวันที่ 3 ก.ค.2568 จากนั้นจะเข้าปฏิบัติหน้ารัฐมนตรีได้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า สำหรับงานเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การเร่งผลักดันการส่งออก แม้ว่าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกของไทยจะขยายตัว 14.9% มูลค่า 138,202.0 ล้านดอลลาร์ แต่การส่งออกที่เติบโตนั้นมาจากการเร่งส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีตอบโต้
ส่วนการเจรจาภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) นั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า ไทยจะได้ถูกเก็บภาษีในอัตราเท่าไร จากที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีไทย 36% ซึ่งไทยได้ยื่นข้อเสนอกับสหรัฐ 5 ข้อแล้ว หวังว่าสหรัฐจะเก็บภาษีไทยเพียง 10 % ดังนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ต้องวางนโยบายเร่งด่วนเพื่อผลักดันการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง
รวมทั้งการรับมือผลกระทบจากการทะลักของสินค้าจีนเข้าไทย ซึ่งสหรัฐกำลังจับตาสินค้าจีนที่ไหลเข้ามาไทย และส่งออกไปสหรัฐ โดยกรมการค้าต่างประเทศหารือกับศุลกากรสหรัฐเพื่อกำหนดพิกัดศุลกากรสินค้าที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ในเรื่องของการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ยังคั่งค้าง และการเปิดเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าใหม่เพื่อเปิดตลาดใหม่ ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องเร่งทำท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าโลก โดยเฉพาะ FTA ระหว่างไทย-อียู ที่ไทยตั้งเป้าจะปิดดีลให้ในปีนี้ ล่าสุดได้เจรจาไปแล้ว 6 รอบ และเดินหน้าเจรจาในรอบที่ 7 ต้นเดือนต.ค.2568 ที่บรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม
รวมถึงการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา เป็นต้น ปัญหาปากท้องประชาชนในเรื่องของราคาสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเข้ามาดูแล ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา รัฐมนตรีก็ต้องเข้ามากำกับดูแลโดยเฉพาะการลักลอบนำสินค้าเกษตรเข้ามา และการค้าชายแดน
ให้โอกาส รมต.ป้ายแดงดันส่งออก
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย กล่าวว่า คงต้องให้โอกาสการทำงาน เพราะการปรับ ครม.มีคนรุ่นใหม่หลายคน ถือว่าดีที่มีคนเจนใหม่ๆ เข้ามาช่วยทำงานก็ต้องให้โอกาสพิสูจน์ฝีมือว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ขณะนี้อย่างไร
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ที่เคยเป็นปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าสานต่องานเจรจาที่ค้างไว้ โดยเฉพาะการเจรจาภาษีสหรัฐที่เอกชนกังวลว่าผลการเจรจา รวมถึงการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี ( FTA) ฉบับต่างๆ ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ จึงหวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่จะเร่งดำเนินการเพื่อผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลังให้เดินหน้าต่อ
“ตอนนี้กังวล และลุ้นผลการหารือกับสหรัฐเรื่องภาษีจะออกมาทิศทางใด เพราะสหรัฐยืนพื้นเก็บภาษี10% ทุกประเทศ แต่เจรจากับไทยรอบนี้หวังว่าภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากไทยต้องไม่สูงกว่าคู่แข่ง หรือดีที่สุดเท่ากับคู่แข่ง เพราะจะทำให้ไทยแข่งขันได้ แต่ถ้าการเจรจาออกมาในทิศทางที่ดีมากคือ โดนเก็บภาษีต่ำกว่าคู่แข่งจะช่วยให้การส่งออกไทยกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง”
“รมต.พาณิชย์” ไม่มีช่วงฮันนีมูน
ทั้งนี้ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ต้องดูว่ากระทบการทำงานรัฐบาลมากน้อยอย่างไร ซึ่งเชื่อว่ากระทบไม่มากทุกอย่างยังอยู่ในประชาธิปไตย แต่สิ่งที่กังวลคือ การเจรจากับต่างประเทศมากกว่า เพราะปกติจะเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการเจรจา แต่หากศาลมีคำวินิจฉัยทิศทางใดทิศทางหนึ่งอาจจะกระทบการเจรจา แต่เชื่อว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้น
“ระยะสั้นงานเจรจากับสหรัฐต้องผ่านให้ได้ก่อน ส่วนระยะกลาง-ยาว หวังว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น เอกชนพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ และเชื่อว่าจะบูรณาการไปในทิศทางที่ดีในช่วงภาวะเศรษฐกิจขาลง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ต้องทำงานต่อทันทีไม่มีช่วงเวลาฮันนีมูนเพราะงานด่วนรออยู่อีกมาก”
อย่างไรก็ตาม ต้องให้โอกาส ครม.ใหม่ เพราะเชื่อว่าไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารประเทศ คงทราบว่าปัญหาใหญ่ในขณะนี้ คือ เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น โดยเฉพาะการส่งออก ภาคการท่องเที่ยวที่รอให้รัฐบาลออกนโยบายกระตุ้นหรือแนวทางการรับมือที่ดีที่สุด
“จตุพร” ประสาน สรท.เร่งเครื่องส่งออก
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถเชื่อว่าจะทำงานได้ ซึ่งนายจตุพร ได้ประสาน สรท.ขอความเห็นการผลักดันการส่งออก และข้อเสนอของ สรท.ที่ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ผลักดัน
ทั้งนี้ สรท.ยึดข้อเสนอเดิมที่เคยหารือกับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้เพิ่มข้อเสนอการฟื้นคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งได้หารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เห็นตรงกันเพื่อขับเคลื่อนการส่งออกไทย
รวมทั้ง สรท.เห็นว่าเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งทำคือ การรับมือภาษีตอบโต้สหรัฐ ซึ่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปสหรัฐพร้อมคณะเพื่อพูดคุยกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) แต่ไม่ได้หารือกับนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีการคลังสหรัฐ ซึ่งต้องรอผลการเจรจา
“การเจรจาภาษีทรัมป์ก็ยังไม่ชัดเจนแม้ว่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจจีน และสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าแล้วแต่ผู้นำสูงสุด 2 ประเทศก็ไม่ยอมลงนามทั้งที่ใกล้วันสุดท้าย 9 ก.ค.68 ของการเลื่อนบังคับใช้ และเมื่อถึงวันนั้นอาจทำให้โลกปั่นป่วนได้ หากไม่มีข้อยุติ โดยสหรัฐบังคับใช้ภาษีตอบโต้ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านั้น หรือไม่ก็เลื่อนการบังคับใช้ไปก่อน”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







