ครม. ไฟเขียวขยาย "คุณสู้ เราช่วย" ปลดล็อกหนี้กว่า 2 ล้านบัญชี

ครม. ไฟเขียวขยาย "คุณสู้ เราช่วย" ปลดล็อกหนี้กว่า 2 ล้านบัญชี

ครม. ไฟเขียวขยายเกณฑ์ "คุณสู้ เราช่วย" เฟส 2 ค้างจ่าย 1 วันเข้าร่วมได้ ขยายวงเงิน “จ่าย ปิด จบ” ถึง 3 หมื่นบาท เล็งลดภาระหนี้กว่า 2 ล้านบัญชี วงเงินกว่า 3 แสนล้านบาท เปิดลงทะเบียนถึง 30 ก.ย.68

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (1 ก.ค.) ว่า ครม. มีมติอนุมัติ ขยายคุณสมบัติและเพิ่มมาตรการในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ให้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น ตั้งเป้าลดภาระหนี้ให้กับประชาชนเพิ่มเติมกว่า 1.8 ล้านราย หรือ 2 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้างรวม 310,000 ล้านบาท โดยจะขยายระยะเวลารับสมัครเข้าร่วมโครงการไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2568 

หลังจากที่การดำเนินโครงการในระยะแรกได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยมีผู้แสดงความประสงค์เข้าร่วมแล้วกว่า 1.4 ล้านราย (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 68)

การขยายโครงการครั้งนี้จะช่วยให้ลูกหนี้ทุกกลุ่มเข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น ด้วยมาตรการที่ปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ดังนี้

1. ขยายคุณสมบัติมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์”

มาตรการนี้ขยายให้ครอบคลุมถึงลูกหนี้ที่ค้างชำระมากกว่า 365 วัน และลูกหนี้ที่ค้างชำระตั้งแต่ 1-30 วัน ซึ่งเคยมีการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว โดยยังคงประเภทลูกหนี้และวิธีการช่วยเหลือเหมือนเดิม

ประเภทลูกหนี้ ได้แก่ สินเชื่อบ้านและ/หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (Home for Cash) วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท

สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และ/หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ (Car for Cash) วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 800,000 บาท และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และ/หรือ Car for cash วงเงินรวมต่อสถาบันการเงิน 50,000 บาท

สินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs (บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท

วิธีการช่วยเหลือ ลดการผ่อนชำระค่างวดในช่วง 3 ปี โดยในปีแรกชำระ 50% ของค่างวดเดิม, ปีที่ 2 ชำระ 70% และปีที่ 3 ชำระ 90% พร้อม ยกเว้นดอกเบี้ย หากลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ครบ 3 ปี

2. ขยายยอดคงค้างหนี้และประเภทหนี้ตามมาตรการ “จ่าย ปิด จบ”

มาตรการนี้ขยายให้ครอบคลุมภาระหนี้ สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ยอดหนี้คงค้าง 10,000 บาท และสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Secured Loan) ยอดหนี้คงค้าง 30,000 บาท

โดยวิธีการช่วยเหลือยังคงเดิม คือ ลูกหนี้จ่ายเพียง 10% ของยอดหนี้เพื่อปิดบัญชีได้ทันที

3. เพิ่มมาตรการใหม่ “จ่าย ตัด ต้น”

มาตรการใหม่นี้ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ NPLs (Non-Performing Loans) ที่มีสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) และมียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี

โดยจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ ลูกหนี้จะได้รับเงื่อนไขการผ่อนชำระคืนเป็นงวด (Term Loan) โดยกำหนดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำที่ 2% ของยอดคงค้าง เป็นระยะเวลา 3 ปี และยกเว้นดอกเบี้ย ให้ทันทีหากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ครบ 3 ปี

การดำเนินโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ระยะที่ 2 ในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับประชาชนอีกกว่า  1.8 ล้านราย หรือ 2 ล้านบัญชี ยอดสินเชื่อคงค้างรวม 310,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นอกเหนือจากโครงการหลัก กระทรวงการคลังยังได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง อาทิ มาตรการแก้หนี้รหัส 21 สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมาตรการสำหรับลูกหนี้ตามโครงการสินเชื่อของรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียและช่วยให้หลุดพ้นจากประวัติหนี้เสียได้เร็วขึ้น โดยคาดว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้ได้อีกประมาณ 530,660 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้ราว 9,407 ล้านบาท

นายพรชัย กล่าวว่า การขยายมาตรการยังคงยึดหลักการสำคัญคือ ทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ปัญหา เน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่มีศักยภาพให้ฟื้นตัวได้ และมีแนวทางป้องกันการจงใจไม่ชำระหนี้ (Moral Hazard) ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน