‘แอดวานซ์เทค’ ผนึกอาเซียน รุก ‘Edge Computing’ รับดีมานต์โตแรง

 ‘แอดวานซ์เทค’ ผนึกอาเซียน  รุก ‘Edge Computing’ รับดีมานต์โตแรง

"แอดวานซ์เทค" ประกาศ ความพร้อมรุกธุรกิจ "EdgeComputing"รับดีมานต์อุตสาหกรรมโต ผนึกอาเซียน สร้างโซลูชั่นรองรับความต้องการลูกค้า ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ 5% ในอุตฯ IoT 

การแข่งขันในยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบทำให้เทคโนโลยี “Edge Computing” ทวีความสำคัญมากขึ้น กลายเป็นหัวใจสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีทุกอย่างเชื่อมโยงกันแบบเรียลไทม์ โดย Edge Computing มีการใช้งานหลากหลายทั้งใน โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ระบบ AI รถยนต์ไร้คนขับ รวมทั้งเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่มีการนำเอา Edge Computing มาใช้งานเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด

งานวิจัยของ“Gartner” ผู้นำการวิจัยด้านเทคโนโลยี ได้คาดการณ์ว่าตลาด Edge Computing จะมีมูลค่าเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 1.31 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 511 พันล้านดอลลาร์ในปี 2033 สะท้อนถึงโอกาสและการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้อย่างมากในอนาคต 

เมื่อเร็วๆนี้ ณ กรุงไทเป ไต้หวัน บริษัท แอดวานซ์เทค (Advantech)ได้จัดงาน “IoT Automation Focused Partner Conference 2025” ภายใต้ธีม “Edge Computing & WISE-Edge in Action” เปิดโอกาสให้พันธมิตรจากทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนกลยุทธ์และร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมอัจฉริยะผ่านเทคโนโลยี Edge Computing และแพลตฟอร์ม WISE-Edge ที่กำลังมีการเติบโตสูง

 ‘แอดวานซ์เทค’ ผนึกอาเซียน  รุก ‘Edge Computing’ รับดีมานต์โตแรง

นาย Sou Wei Tan Regional Solution Manager Advantech ASEAN เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าปัจจุบัน Edge Computing และ Edge AI กำลังเป็นเทรนด์สำคัญในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศไทยมีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ยกระดับการบำรุงรักษาและการจัดการพลังงานอย่างคุ้มค่า ในภาคอุตสาหกรรมแอดวานซ์เทคได้ทำงานร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นและเกาหลีที่ตั้งโรงงานในไทย เพื่อสนับสนุนการทำ Digital Transformation ทั้งในเรื่อง AI Automation และ Predictive Maintenance ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของแอดวานซ์เทค ประจำในอาเซียนคอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้าน AI, Digital Transformation และระบบ PC นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพันธมิตรคลาวด์อย่างไมโครซอฟต์ และอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเช่าใช้ระบบพร้อมบริการสนับสนุนอย่างครบวงจร

สำหรับในภาคอุตสาหกรรมของไทย Edge Computing ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในโรงงานที่ใช้เครื่องจักรที่มีระบบควบคุมการทำงานแบบอัตโนมัติ (CNC) ที่หากใช้คลาวด์เพียงอย่างเดียวจะมีต้นทุนสูง จึงนิยมใช้ Edge Computing PC ที่เชื่อมต่อและควบคุมเครื่องจักรได้แบบเรียลไทม์ 

ส่วนแบ่งตลาด PC Edge ในไทย 45% 

โดยข้อมูลจากปี 2024 ระบุว่าแอดวานซ์เทคมีส่วนแบ่งตลาด PC Edge ในไทยสูงถึง 45% หมายความว่าเครื่อง PC จำนวน 10 เครื่องในตลาดมีเครื่องของแอดวานซ์เทคถึง 4 เครื่อง โดยความสามารถของ Edge Computing ของบริษัทคือการรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย พร้อมโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยควบคุมและวิเคราะห์การทำงานของเครื่องจักรได้อย่างใกล้ชิด ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

 ‘แอดวานซ์เทค’ ผนึกอาเซียน  รุก ‘Edge Computing’ รับดีมานต์โตแรง

ทั้งนี้ในการทำงานร่วมกันของทีมงานแอดวานซ์เทคของประเทศต่างๆในอาเซียนถือเป็นหัวใจที่จะสร้างการเติบโต โดยทีมงานได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในอาเซียนอย่างใกล้ชิด โดยในประเทศไทยมีการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างบริษัทไอบีคอน จำกัด (IBCON) และบริษัทควิก อีอาร์พี จำกัด (QuickERP) โดยมีเป้าหมายหลักคือการเชื่อมต่อประเทศไทยเข้าสู่ระบบนิเวศอุตสาหกรรมดิจิทัล และช่วยลูกค้าเข้าถึงโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจอย่างแท้จริง

“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาแอดวานซ์เทค มุ่งเน้นรับฟังปัญหาที่เป็น Pain Points ของลูกค้า โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการจัดการพลังงานตามหลัก ESG รวมถึงการสื่อสารระหว่างโปรโตคอลที่แตกต่างกันในโรงงาน เพื่อพัฒนาโซลูชันที่แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย พร้อมช่วยลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว” Sou Wei กล่าว

ทีมแอดวานซ์เทคอาเซียน ที่เดินทางไปประชุมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ไต้หวัน

สำหรับตัวอย่างการทำงานที่ชัดเจนคือในโปรเจกต์โรงงานผลิตผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (Printed Circuit Board:PCB) ในจังหวัดปราจีนบุรี ประเทศไทย ได้มีการส่งทีมงานลงพื้นที่เป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อแก้ไขปัญหาหลายด้าน ตั้งแต่การสื่อสารระหว่างภาษาไทย และภาษาจีน การติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ที่ขาดโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไปจนถึงการแก้ไขซอฟต์แวร์ ด้วยความซับซ้อนของโรงงานที่มีหลายระบบแต่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ทีมงานของแอดวานซ์เทคสามารถรวบรวมระบบเหล่านี้ให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โซลูชันสำหรับโรงงาน EV 

ในส่วนของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยแอดวานซ์เทคได้เริ่มพัฒนาโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับ EV มาตั้งแต่ก่อนที่กระแสรถ EV จะเป็นที่นิยมในอาเซียน โดยเฉพาะระบบสื่อสารสำหรับสถานีชาร์จที่รองรับหลายแบรนด์ผ่านระบบ Open Charge Point Protocol (OCPP) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วโลกระบบนี้ทำงานร่วมกับ EdgeLink อุปกรณ์ Edge Computing ขนาดกะทัดรัด ที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลกระบวนการผลิตรถ EV แบบเรียลไทม์ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้โรงงานเข้าใจคุณภาพและประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดตั้งระบบในดาต้าร์เซนเตอร์ NVIDIA

อีกหนึ่งกรณีศึกษาคือการติดตั้งระบบใน Data Centre ของ NVIDIA ที่ประเทศมาเลเซียในปี 2024 ซึ่ง Advantech ได้ติดตั้ง I/O Module กว่า 5,000 ตัวเพื่อให้ระบบสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นที่ความเสถียรและความทนทานของ Edge Computing PC

สำหรับอุตสาหกรรมในไทยที่เหมาะกับการใช้ Edge Computing ได้แก่ Automotive, Plastic Molding และ EV รวมถึงอุตสาหกรรม PCB ที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตในอาเซียน และยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง การนำ Edge Computing มาใช้ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาโดยติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยลดจำนวนบุคลากรที่ต้องดูแลระบบ ลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาฉุกเฉินได้ถึง 40% ด้วยการวางแผนล่วงหน้าผ่าน AI และช่วยให้การบำรุงรักษาเชิงป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ 5% ในอุตฯ IoT 

ทั้งนี้แอดวานซ์เทคอาเซียนมีเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Internet of Things สำหรับภาคอุตสาหกรรม (Industrial IoT หรือ IIoT) ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างระบบนิเวศและยกระดับอุตสาหกรรมอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน โดยใช้จุดแข็งของทีมแอดวานซ์เทคอาเซียนในการร่วมสร้าง (Co-create) โซลูชันกับพาร์ทเนอร์ที่มีความหลากหลาย เช่น พาร์ทเนอร์ด้าน Energy AI ในมาเลเซีย เพื่อช่วยธุรกิจลดการใช้พลังงาน และสามารถปรับโซลูชันให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย