‘พิชัย’ ยอมรับไทยใช้ ‘ลอบบี้ยิสต์’ ช่วยเจรจาสหรัฐ ยันใช้งบโปร่งใส

‘พิชัย’ ยอมรับไทยใช้ ‘ลอบบี้ยิสต์’ ช่วยเจรจาสหรัฐ ยันใช้งบโปร่งใส

“พิชัย” ยอมรับใช้ “ลอบบี้ยิสต์” ช่วยเจรจาภาษีสหรัฐ ระบุขั้นตอนมีความซับซ้อน ยันทุกกระบวนการโปร่งใส ตรวจสอบงบฯ ได้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประเทศ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา หรือลอบบี้ยิสต์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาประเด็นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับสหรัฐอเมริกา โดยยืนยันถึงความจำเป็น ความโปร่งใส และความคุ้มค่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้า และการส่งออกของประเทศไทย

นายพิชัย เปิดเผยว่า ความซับซ้อนของการเจรจากับสหรัฐ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาว่า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากฝ่ายสหรัฐ มีการมอบหมายหัวหน้าเจรจาหลายหน่วยงาน หลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (U.S. Department of Commerce) สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐ (Secretary of the Treasury)

"รัฐบาลไทยพร้อมรับมือกับทุกแนวทางที่สหรัฐ จะดำเนินการ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องมีการทำงานประสานกันแบบคู่ขนานระหว่าง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และ กรมเจรจาการค้าต่างประเทศ เพื่อให้การเจรจาครอบคลุมในทุกระดับ และไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ"

โดยนายพิชัยในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาระดับนโยบาย ทำหน้าที่กำกับทิศทางการเจรจาให้สอดคล้องกับสถานการณ์

สำหรับประเด็นอัตราค่าจ้างที่ปรึกษา นายพิชัยยอมรับว่าโดยปกติอัตราการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาหรือลอบบี้ยิสต์ในสหรัฐ อยู่ที่ประมาณ 20,000 – 300,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนสำหรับการให้บริการทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์พิเศษเกี่ยวกับ "Reciprocal Tariff" บริษัทที่ปรึกษาที่มีความสามารถเฉพาะทางสูง และมีความสัมพันธ์เชิงนโยบายกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลสหรัฐ สามารถเรียกราคาที่สูงขึ้นกว่าปกติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นงานที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน แข่งขันกับประเทศอื่น และเกี่ยวพันกับมูลค่าการค้า และการส่งออกของไทยนับแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

ผมก็ขอยืนยันความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะอเมริกามีกฎหมายการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมาย FARA (Foreign Agents Registration Act) ซึ่งกำหนดให้สัญญาว่าจ้างที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศทั้งหมดจะต้องมีการเปิดเผยรายละเอียดบนเว็บไซต์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (U.S. Department of Justice) อย่างชัดเจน

"ถ้าเราไม่มีตัวช่วยที่ดี ไม่มีทีมที่เข้าใจสหรัฐ ไม่มีเครื่องมือที่แข็งแรง ประเทศไทยอาจต้องสูญเสียตลาด ส่งออกสะดุด เกษตรกร-ผู้ประกอบการเจ็บหนัก" นายพิชัย กล่าว  

นายพิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินนโยบายระหว่างประเทศในโลกยุคปัจจุบัน ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจเชิงเทคนิค ความละเอียดรอบคอบ และความกล้าที่จะตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสม ขอบคุณทุกข้อเสนอแนะ และยินดีรับฟังความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เสมอ

‘พิชัย’ ยอมรับไทยใช้ ‘ลอบบี้ยิสต์’ ช่วยเจรจาสหรัฐ ยันใช้งบโปร่งใส

โดยก่อนหน้านี้ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ได้โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียส่วนตัว ระบุว่า แสดงความยินดีที่รัฐบาลได้รับคิวในการเจรจากับสหรัฐ แล้ว แต่ได้ตั้งข้อสังเกต และข้อซักถามเกี่ยวกับงบประมาณ 2 รายการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไปเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมและต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบกลางให้กรมเจรจาการค้าเป็นค่าใช้จ่ายโครงการเจรจาภาษีต่างตอบแทนกับสหรัฐ จำนวน 97.28 ล้านบาท ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม และรอกรมเจรจาการค้าเข้าชี้แจงในห้องงบประมาณ

และเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน  2568 คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบกลางให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นค่าใช้จ่ายโครงการเจรจาภาษีต่างตอบแทนกับสหรัฐ จำนวน 97.06 ล้านบาท โดย สศค. ได้แจ้งรายละเอียดว่า แบ่งเป็นค่าเดินทางไปต่างประเทศ 9.6 ล้านบาท และค่าจ้างบริษัทเอกชนให้บริการสนับสนุนโน้มน้าวการเจรจา และการสื่อสารเชิงกลยุทธ์อย่างครบวงจร 87.4 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเป็นการจ้างลอบบี้ยิสต์

นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า การจ้างลอบบี้ยิสต์เป็นเรื่องปกติ และมีการจ่ายเป็นค่าบริการรายเดือน (retainer fees) ประมาณ 20,000 - 30,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สำหรับสัญญา 6 เดือน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากงบประมาณ 87.4 ล้านบาท และสมมติว่าเป็นสัญญา 12 เดือน จะตกอยู่ที่ประมาณ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าอัตราปกติที่ควรจ่าย

นางสาวศิริกัญญาได้ตั้งคำถามล่วงหน้าถึงกรมเจรจาการค้าหลายประเด็น ได้แก่ การแบ่งหน้าที่กับกระทรวงการคลัง, เหตุผลที่ต้องตั้งงบประมาณไว้ 2 หน่วยงาน หน่วยละเท่าๆ กัน (97 ล้านบาท), ความเหมาะสมของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในการดำเนินการเรื่องนี้ แม้จะมีทูตที่ปรึกษาประจำอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งส่วนใหญ่จะประจำอยู่กับ World Bank หรือ IMF, รวมถึงรายละเอียดของสัญญาการจ้างงาน ทั้งในเรื่องการจ่ายเป็นก้อนหรือรายเดือน และเหตุผลที่อัตราค่าจ้างสูงกว่าปกติ

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์