เปิด 2 ฉากทัศน์ ลาออก-ยุบสภา สะเทือนเศรษฐกิจ - นโยบายเรือธง รัฐบาล

เปิด 2 ฉากทัศน์การเมืองปั่นป่วน จับตาอุบัติเหตุทางการเมือง สะเทือนเศรษฐกิจ ลาออก- ยุบสภาฯ สะเทือนเศรษฐกิจ งบประมาณล่มทั้งฉบับ ทำใหม่ล่าช้าหลายเดือน กระทบหลายนโยบาย
KEY
POINTS
- เปิด 2 ฉากทัศน์การเมืองปั่นป่วน จับตาอุบัติเหตุทางการเมือง สะเทือนเศรษฐกิจ
- กรณีนายกฯลาออก- ยุบสภาฯ สะเทือนเศรษฐกิจ งบประมาณ 69 ส่อล่มทั้งฉบับ วงเงิน 3.78 ล้านล้าน ทำใหม่อาจล่าช้าหลายเดือน
- หลายนโยบายเรือธงชะงัก ทั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
- จับตาผลกระทบเจรจาภาษีกับทางสหรัฐที่จะครบกำหนดวันที่ 7 ก.ค.2568
เสถียรภาพางการเมืองของรัฐบาลมีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากกรณีที่มีการยื่นให้องค์กรอิสระทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาความผิดของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากกรณีคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำของกัมพูชา ซึ่งสถานการณ์อาจนำไปสู่การลาออกของนายกรัฐมนตรี หรือการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ได้
ทั้งนี้หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศดังนี้
1.กรณีนายกรัฐมนตรีลาออก สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีใหม่จากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.เกิน 25 คน ซึ่งในกรณีนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะน้อยกว่าการยุบสภาฯเนื่องจากมีโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะยังมาจากแกนนำรัฐบาลคือนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯอีดคนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะไม่กระทบกับการจัดทำงบประมาณปี 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท และนโยบายเรือธงของรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปตามเดิม
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจหากนายกฯลาออก
กรณีที่นายกรัฐมนตรีลาออกและเกิดการปรับเปลี่ยนพรรคที่เสนอชื่อขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีอาจจะกระทบกับการจัดทำงบประมาณปี 2569 โดยหากเป็นการโหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่อยู่คนละขั้วกับรัฐบาลก็อาจนำมาสู่การทบทวน พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ทั้งฉบับ และจะกระทบต่อนโยบายเรือธงสำคัญของรัฐบาลด้วย
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจหากนายกฯยุบสภาฯ
2.กรณีนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่า ดังนี้
1)ความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ถึงแม้ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท สถานะปัจจุบันได้ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1 จากสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมาและรอที่จะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 แต่หากเกิดกรณีที่นายกรัฐมนตรียุบสภาฯร่าง พ.ร.บ.งบประมาณก็จะตกไปทั้งฉบับ และงบประมาณปี 2569 จะไม่สามารถประกาศใช้ได้ทันในวันที่ 1 ต.ค.2568 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่
โดยหากมีการยุบสภาฯเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่รัฐบาลใหม่จะเข้ามาทบทวรและปรับเปลี่ยนรายละเอียดของงบประมาณใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะคล้ายกับช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่กว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีการปรับปรุงงบประมาณใหม่ก็ล่าช้าไปกว่า 6 เดือน
โดยผลที่ตามมาคือรัฐบาลที่รักษาการในช่วงเวลานั้นจะต้องใช้งบประมาณแบบงบประมาณรายจ่ายไปพลางก่อน โดยไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของงบลงทุนใหม่ได้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้าอย่างมากเนื่องจากเครื่องยนต์ในการเบิกจ่ายภาครัฐที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจไทยขาดแรงสนับสนุนทั้งจากการท่องเที่ยวและการส่งออก
2)นโยบายเศรษฐกิจหลายนโยบายของรัฐบาลจะสะดุดลง ในกรณีที่มีการยุบสภาฯกฎหมายหลายฉบับที่อยู่ในการพิจารณาของสภาฯก็จะตกไปด้วย รวมทั้งกฎหมายที่เตรียมจะเข้าสู่การพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติในสภาฯก็จะไม่หมดโอกาสที่จะผ่านออกมาเป็นกฎหมายได้ในรัฐบาลนี้ โดยขณะนี้นอกจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ 2569 ยังมีกฎหมายสำคัญที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เช่น นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งมีกฎหมายที่อยู่ในการพิจารณาของสภาฯได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ของกระทรวงคมนาคมที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาฯได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ..ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ...ร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ...
ส่วนกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่รอการเสนอร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ....ที่รอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯก็จะตกไปด้วย ต้องรอว่ารัฐบาลต่อไปจะนำเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นนโยบายหรือไม่
3)การขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ในส่วนนี้หากมีการยุบสภาฯและรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการยังคงสามารถที่จะอนุมัติงบประมาณที่เหลืออีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาทเศษได้ เนื่องจากไม่ใช่งบประมาณใหม่ แต่เป็นงบกลางฯปี 2568 โดยคาดว่าหากยุบสภาฯรัฐบาลจะยังเดินหน้าอนุมัติโครงการโดยเฉพาะในส่วนที่มีการปรับเปลี่ยนโครงการที่กระทรวงมหาดไทยสมัยที่พรรคภูมิใจไทยยังบริหารงานอยู่ได้เสนอเข้ามาก่อนนี้
ส่วนหากนายกฯลาออกแล้วมีการเปลี่ยนตัวนายกฯใหม่งบประมาณในส่วนนี้ก็ยังสามารถอนุมัติได้เช่นกันแต่มีเงื่อนไขในการผูกพันงบประมาณให้ทันภายใน 30 ก.ย.2568 นี้
4)ผลกระทบกับการเจรจาภาษีกับสหรัฐ หากมีการยุบสภาฯเป็นรัฐบาลรักษาการ อาจจะส่งผลกระทบกับการเจรจาภาษีกับสหรัฐ ทำให้การเจรจาไม่ทันกับเส้นตายที่กำหนดไว้ในวันที่ 7 ก.ค.2568 นี้ ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลไทยได้มีการส่งข้อเสนอในการเจรจาภาษีกับสหรัฐไปให้สหรัฐพิจารณาอย่างเป็นทางการแล้ว แล้วได้มีการเจรจาในคณะทำงานฝ่ายเทคนิคแล้ว 1 รอบ ซึ่งขณะนี้ยังรอการนัดหมายเจรจาอย่างเป็นทางการของทั้งสองรัฐบาล ซึ่งในขณะนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ต้องดูท่าทีของสหรัฐว่าจะเดินหน้าเจรจากับไทยต่อไป หรือจะรอให้มีรัฐบาลใหม่ก่อน







