จับตา นบข.เคาะ มาตรการข้าวนาปีและนาปรัง แจกไร่ละพัน ชงฟื้นประกันรายได้

จับตา นบข.เคาะ มาตรการข้าวนาปีและนาปรัง แจกไร่ละพัน ชงฟื้นประกันรายได้

จับตา นบข.เคาะ มาตรการข้าวนาปีและนาปรัง  รับราคาข้าวตกอย่างหนัก หน้ามืดแจกไร่ละพัน ลงทะเบียนทะลุ  8 แสนราย เกินงบตั้งไว้ ชงฟื้นคืนประกันรายได้ รับข้าวนาปีตกหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเร็วๆ นี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เพื่อพิจารณาแนวทางและมาตรการดูแลข้าวเปลือกชุดใหญ่ ซึ่งมีทั้งข้าวนาปรังที่ออกไปแล้ว และข้าวนาปีที่จะเริ่มทยอยออกตั้งแต่เดือนต.ค.68 ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตสูงขึ้น และราคาลดลง เนื่องจากปีนี้ไทยส่งออกข้าวได้น้อยลงทั้งด้านปริมาณ และราคา หลังอินเดีย ผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกกลับมาส่งออกอีกครั้ง

สำหรับการพิจารณาวาระสำคัญ คือ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 68 ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดให้ลงทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 68 เสร็จสิ้นไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.68 ซึ่งปรากฏว่ามีชาวนาเข้ามาลงทะเบียนกว่า 8 แสนครัวเรือน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้ปลูกข้าวนาปรังเพียงกว่า 3 แสนครัวเรือนเท่านั้น

      ส่งผลให้งบประมาณในการจ่ายช่วยเหลือที่ นบข.เคยอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เดือนก.พ.วงเงินกว่า 2,867 ล้านบาท ไม่เพียงพอ เพราะจากยอดลงทะเบียนอาจใช้เงินสูงกว่าเดิม 2-3 เท่าตัว

“อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องรอ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการผลิต และดูแลการเปิดลงทะเบียน ทำการตรวจสอบคุณสมบัติเกษตรอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่ และสรุปเหลือกี่ราย ก่อนเสนอให้ นบข.ตัดสินใจ โดยปัจจุบันมีงบเหลือจากโครงการแจกไร่ละพันช่วงนาปีของปีนี้มากกว่า 4 พันล้านบาท”

ส่วนมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปีที่จะทยอยออกตั้งแต่เดือนต.ค.นั้น นอกจากจะมีการเสนอมาตรการ ได้แก่

1.สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางรอการขายในช่วงที่ผลผลิตออกน้อยจะได้ขายได้ราคาสูง

2.มาตรการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร

3.ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก เพื่อรอการขาย

และ 4.จัดตลาดนัดข้าวเปลือก แล้ว

“สิ่งที่น่าจับตาคือการพิจารณามาตรการพยุงราคาข้าวเปลือกนาปี ซึ่งจะมีการพิจารณาข้อเสนอของกรรมาธิการ และ ส.ส.ที่อยากให้นำนโยบายประกันรายได้ ข้าวเปลือก หรือมาตรการพยุงราคาอื่นที่เหมาะสมกลับมาใช้ สำหรับรองรับปริมาณข้าวที่ออกมาสู่ตลาดมากและราคาจะตกลงจากปีก่อนอย่างชัดเจน เห็นได้จากยอดส่งออกในปีนี้ที่ติดลบต่อเนื่องทั้งปริมาณและราคา ขณะที่ราคาข้าวเปลือกเจ้าปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 7,400-7,500 บาท ต่ำกว่าปีที่แล้วสูงเกิน 10,000 บาท”

สำหรับ สถานการณ์การส่งออกข้าวไทยในเดือน พ.ค.68 ไทยส่งออกได้ 656,952.2 ตัน ลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าส่งออกข้าวอยู่ที่ 396 ล้านดอลลาร์ ลดลง 9.9%  ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.68) ไทยส่งออกข้าวได้ 3 ล้านตัน ลดลง 25.7%  คิดเป็นมูลค่า 1,878 ล้านดอลลาร์ ลดลง 30.1%