'สุริยะ' เข็นลงทุนกว่า 2.9 แสนล้าน เร่งสร้างรถไฟทางคู่เฟส 2

"สุริยะ" เข็นลงทุนกว่า 2.9 แสนล้าน ดันรถไฟทางคู่ เฟส 2 ขยายโครงข่ายเพิ่ม 1,249 กิโลเมตร เร่งชง สศช.อนุมัติโครงการ ผลักดัน 3 เส้นทางอันดับต้นต้องลุยสร้างก่อน มั่นใจพลิกโฉมโลจิสติกส์ไทยสู่ศูนย์กลางอาเซียน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,249 กิโลเมตร มูลค่ารวมประมาณ 297,924 ล้านบาท โดยระบุว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้นำเสนอโครงการต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติแล้ว
โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการในการยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ รฟท. ได้จัดลำดับความสำคัญตามคำแนะนำของ สศช. โดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก 5 ด้าน คือ ความต้องการขนส่งผู้โดยสาร, ความต้องการขนส่งสินค้า, ความจุทาง, เศรษฐศาสตร์และการเงิน และยุทธศาสตร์และนโยบาย รวมถึงปัจจัยรองอีก 11 ด้าน เช่น ข้อมูลผลการคาดการ์จำนวนผู้โดยสาร, ข้อมูลสถิติผู้โดยสารปัจจุบัน, ข้อมูลผลการคาดการณ์ปริมาณสินค้า, การเชื่อมโยงโครงข่ายภายในประเทศและระหว่างประเทศ และความพร้อมในการดำเนินโครงการ เป็นต้น
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า รฟท. ได้แบ่งความสำคัญของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่ม 1 ความสำคัญอันดับต้น จำนวน 3 เส้นทาง คือ
- เส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270 ล้านบาท
- เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 218 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 81,143 ล้านบาท
- เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 30,422 ล้านบาท
ส่วนกลุ่ม 2 ความสำคัญอันดับกลาง จำนวน 2 เส้นทาง คือ
- เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 44,095 ล้านบาท
- เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 68,222 ล้านบาท
กลุ่ม 3 ความสำคัญอันดับท้าย คือ
- หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 7,772 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากข้อสังเกตของ สศช. นั้น รฟท. ยังได้ปรับปรุงข้อมูลและข้อสมมติฐานที่ใช้ในการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงการวิเคราะห์แผนการเดินรถและความจุทางให้เป็นปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว รวมถึงยังได้จัดส่งบัญชีแสดงปริมาณงานและราคา (BOQ) ของทุกโครงการที่สามารถแจกแจงรายละเอียดรายการลงทุนตามการออกแบบโครงสร้างทาง, งานสถานี, จุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับ และสิ่งอำนวยความสะดวก
ในส่วนของแนวทางการใช้ประโยชน์สถานีรถไฟขนาดใหญ่และย่านกองเก็บตู้สินค้า รฟท. ได้ชี้แจงแผนการเพิ่มรายได้และแผนธุรกิจที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน ยังได้ทบทวนแผนการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับของแต่ละโครงการให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ รฟท. ทั้งในกรณีมีโครงการและไม่มีโครงการที่สอดคล้องกับการจัดลำดับความสำคัญของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 แล้ว
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า โครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 มีเป้าหมายหลัก คือการเปลี่ยนการขนส่งสินค้าจากทางถนนมาสู่ทางราง อีกทั้งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงได้ถึง 30% เนื่องจากไม่ต้องรอหลีกขบวนรถ ทำให้ขบวนรถตรงต่อเวลามากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้กับประชาชน รวมถึงยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศไทยให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ