คืนแรก' เปิดอ่าวไทย ' จับปลาลัง-ปลาทู ได้กว่า 1 หมื่น กก.

คืนแรก' เปิดอ่าวไทย ' จับปลาลัง-ปลาทู ได้กว่า 1 หมื่น กก.

ปิดอ่าวไทย ปี 68 ได้ผล หลังสิ้นสุดมาตรการ เรือประมงสามารถจับปลาลัง - ปลาทู คืนแรกได้สูงสุดถึง 10,000 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 5 แสนบาท

นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ว่า เมื่อหลังเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เข้าสู่เช้าวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นเวลาที่สิ้นสุดการบังคับใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2568 (ปิดอ่าวไทย) ในช่วงที่ 2

 เจ้าหน้าที่กรมประมง นำโดยนายสันติภาพ มะเหศวร เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน ร่วมกับหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลอ่าวน้อย (ประจวบคีรีขันธ์) ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลสมุทรปราการ กองตรวจการประมง กรมประมง ได้ออกปฏิบัติงานควบคุมการทำประมงตามมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นแหล่งทำการประมงปลาทู พบว่า

คืนแรก\' เปิดอ่าวไทย \' จับปลาลัง-ปลาทู ได้กว่า 1 หมื่น กก. คืนแรก\' เปิดอ่าวไทย \' จับปลาลัง-ปลาทู ได้กว่า 1 หมื่น กก.

 มีเรือประมงได้เริ่มทำการประมงในพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้เครื่องมือประเภทอวนลากคู่ อวนล้อมจับ อวนครอบหมึก และ อวนครอบปลากะตัก โดยเฉพาะเครื่องมืออวนล้อมจับผ่านไป 1 คืน สามารถจับปลาลัง และ ปลาทู ได้สูงสุดถึง 10,000 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 500,000 บาท (จำนวน 50 บาท/กิโลกรัม) สร้างรายได้ให้พี่น้องชาวประมงเป็นอย่างมาก

และเพี่อเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรปลาทูอย่างต่อเนื่อง กรมประมงมีมาตรการปิดอ่าวไทยตอนใน (ปิดอ่าวไทยรูปตัว ก) ใน 2 ห้วงระยะเวลา คือ ช่วงที่ 1 : วันที่ 15 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2568 และ ช่วงที่ 2 : วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2568 ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้ปลาได้เจริญเติบโตตามวงจรชีวิตปลาทู ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้เกิดความยั่งยืน