พาณิชย์ ชี้ช่องอาหารฮาลาล โอกาสไทยชิงส่วนแบ่งตลาดโลก

พาณิชย์ ชี้ช่องอาหารฮาลาล  โอกาสไทยชิงส่วนแบ่งตลาดโลก

สนค.ชี้ช่องไทยบุกตลาดอาหารฮาลาลโลก! ชิงโอกาสทองในกลุ่มประชากร OIC เผย ไทยมีจุดแข็งทั้งในด้านวัตถุดิบ คุณภาพ นวัตกรรม และการรับรองมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ

KEY

POINTS

Key Point

  • Salaam Gateway ประเมินตลาดสินค้าฮาลของโลก ในปี 2567 มีมูลค่า 2.35 ล้านล้านดอลลาร์ 
  • คาด ปี 2570  ตลาดสินค้าฮาลาลจะมีมูลค่า 3.10 ล้านล้านดอลลาร์ ขยายตัวเฉลี่ย 9.7 %  ต่อปี
  • กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มครองแชมป์ด้วยมูลค่า 1.38 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 58.7 %  ของตลาดฮาลาลโลก
  • ปี 2567 การส่งออกสินค้าอาหารจากไทยไปยังตลาด OIC มีมูลค่า 7,131.3 ล้านดอลลาร์
  • อาหารฮาลาลไทยมีจุดแข็งทั้งในด้านวัตถุดิบ คุณภาพ นวัตกรรม และการรับรองมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ

ตลาดอาหารฮาลาล (Halal Food) หรือตลาดอาหารสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม (มุสลิม) ทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง สามารถขยับจากการเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ไปเป็นตลาดหลัก (Mass Market )

สหประชาชาติเผยสถิติประชากรโลก  ปี 2567 มี 8,119 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวมุสลิม 1,907 ล้านคน  คิดเป็นสัดส่วน 23.5  % ของประชากรโลก และคาดการณ์ว่าในปี 2593 ชาวมุสลิมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,761 ล้านคน และคิดเป็นสัดส่วน  29.7 %ของประชากรโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของตลาดฮาลาลที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้บริโภคชาวมุสลิมยังมีแนวโน้มการใช้จ่ายต่อหัวสูงและขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจโลกอิสลาม Salaam Gateway ประเมินตลาดสินค้าฮาลของโลก ในปี 2567 มีมูลค่า 2.35 ล้านล้านดอลลาร์  ซึ่งกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มครองแชมป์ด้วยมูลค่า 1.38 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 58.7 %  ของตลาดฮาลาลโลก

รองลงมา คือ สินค้าแฟชั่น สัดส่วน 13.2  %    สื่อและสันทนาการ 11.5 % การท่องเที่ยว 8.9  %  ยา 4.5 %   และเครื่องสำอาง     3.2  %  

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ปี 2570  ตลาดสินค้าฮาลาลจะมีมูลค่า 3.10 ล้านล้านดอลลาร์ ขยายตัวเฉลี่ย 9.7 %  ต่อปี โดยสินค้าอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล มีมูลค่า 1.89 ล้านล้าน หรือขยายตัวเฉลี่ย11.0   %  ต่อปี

พาณิชย์ ชี้ช่องอาหารฮาลาล  โอกาสไทยชิงส่วนแบ่งตลาดโลก

“พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ”ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า  ไทย ส่งออกสินค้าอาหารจากไทยไปยังตลาดฮาลาล กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation: OIC) พบว่าในปี 2567 การส่งออกสินค้าอาหารจากไทยไปยังตลาด OIC มีมูลค่า 7,131.3 ล้านดอลลาร์ (252,164 ล้านบาท)  เติบโตกว่า 6.3  %   

 ตอกย้ำความแข็งแกร่งของอาหารไทยในตลาด OIC ชี้โอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการ และในปี 2568 ตลาดฮาลาลทั่วโลกยังเต็มไปด้วยโอกาสจากความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม OIC หากได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

“อาหารฮาลาล” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ชาวมุสลิม เพราะเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม สะอาด และถูกหลักอนามัย ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปให้ความสนใจและหันมาบริโภคมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการอาหารฮาลาลมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ OIC

เมื่อพิจารณาการส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลจากโลกไปยังกลุ่มประเทศ OIC ในปี 2567 พบว่ามีมูลค่า 247,362 ล้านดอลลาร์ (8.72 ล้านล้านบาท)  ขยายตัว  6.9 % เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยประเทศผู้ส่งออกสำคัญ ได้แก่ บราซิล อินเดีย จีน ตุรกี และสหรัฐอเมริกา ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของประเทศผู้ส่งออกอาหารไปยังตลาด OIC

สำหรับประเทศผู้นำเข้าสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย และตุรกี

สำหรับไทย การส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าไปสู่ตลาดโลก โดยในปี 2567 มูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลของไทยไปยังตลาด OIC อยู่ที่ 7,131.3 ล้านดอลลาร์ (252,164 ล้านบาท) ขยายตัว 6.3%  จากปีก่อน

โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไทย คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย มีสัดส่วนรวมกัน 68.5 %  ของมูลค่าการส่งออกอาหารไปตลาด OIC สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ข้าว ปลาทูน่ากระป๋อง น้ำตาลทราย  อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร ทั้งนี้ ไทยยังคงมีความได้เปรียบในด้านคุณภาพสินค้า การแปรรูปอาหาร และการมีระบบรับรองฮาลาลที่น่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ประเทศในกลุ่ม OIC โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีกำลังซื้อเฉลี่ยต่อหัวที่สูง และมีความต้องการสินค้าอาหารฮาลาลที่ได้มาตรฐานสากล ดังนั้น ประเทศไทยต้องรักษาภาพลักษณ์การเป็นผู้ผลิตอาหารฮาลาลคุณภาพสูง พัฒนามาตรฐานสินค้า และทำตลาดเชิงรุกในกลุ่ม OIC เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเร่งขยายตลาด

โดยควรดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น สนับสนุนผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เร่งสร้างมาตรฐานฮาลาลสากล ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานฮาลาลในกลุ่มประเทศ OIC และจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในประเทศกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยในเวทีโลก

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า  อนาคตของตลาดอาหารฮาลาลยังคงสดใส และประเทศไทยมีศักยภาพที่จะก้าวเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลที่สำคัญของโลกได้ ภายใต้นโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก Kitchen of the World” ที่เน้นการพัฒนาคุณภาพ ความหลากหลาย และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตคาดว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกจะเติบโตยิ่งขึ้นตามความต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย และตรวจสอบแหล่งที่มาได้จากผู้บริโภคทั้งที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม

ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารชั้นนำของโลก ทั้งยังมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีการผลิตอาหารที่ทันสมัย ผู้ประกอบการสินค้าอาหารของไทยจึงไม่ควรพลาดโอกาสที่จะขยายการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว

“สินค้าอาหารฮาลาลไทยยังมีศักยภาพขยายตัวได้อีกมากในกลุ่ม OIC ไม่เพียงแค่กลุ่มสินค้าเดิม แต่รวมถึงสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์การบริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะสินค้าอาหารสุขภาพและสินค้านวัตกรรม อีกทั้ง ไทยมีจุดแข็งทั้งในด้านวัตถุดิบ คุณภาพ นวัตกรรม และการรับรองมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งหากไทยต้องการจะเป็นผู้นำด้านอาหาร และเป็น “ครัวของโลก” อาหารฮาลาลก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม” ”นายพูนพงษ์ กล่าว