"กรุงเทพ"เตรียมใช้"รถเมล์อีวี1.5พันคัน ครม.เคาะ1.5 หมื่นล้านเช่าเอกชน7ปี

ปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะภายในประเทศ จำแนกตามรูปแบบการเดินทาง (อ้างอิงจากระบบบัญชีข้อมูลด้านคมนาคม (MOT Data Catalog)) ปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ย
ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2568 ถึง 17 มิ.ย. 2568 ปริมาณ 5,765,132 ราย ทั้งนี้ แบ่งเป็น ปริมาณการเดินทางทางบกเฉลี่ย 3,967,685 ราย ,ปริมาณการเดินทางทางน้ำเฉลี่ย 200,347 ราย ,ปริมาณการเดินทางทางรางเฉลี่ย 1,521,884 ราย ,ปริมาณการเดินทางทางอากาศเฉลี่ย 75,216 ราย
พฤติกรรมการเดินทางของคนไทยส่วนใหญ่ใช้การเดินทางด้วยรถยนต์สัดส่วนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการเดินทางระบบต่างๆ ด้วยเหตุผลต่างๆกันไป ดังนั้นการจัดสรรพาหนะเพื่อการเดินทางทางรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่และแออัดอย่างกรุงเทพมหานคร
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2568 คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 2 (ด้านการต่างประเทศ การคมนาคม การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม) เสนอ ดังนี้ 1.อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ได้แก่ การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2556 ที่อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน เพื่อนำมาให้บริการทดแทนรถโดยสารเดิมที่ใช้น้ำมันดีเซล ในวงเงินรวม 13,162.20 ล้านบาท
โดยเปลี่ยนเป็นโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน ระยะเวลา 7 ปี กรอบวงเงินลงทุนโครงการ 15,355.60 ล้านบาท และให้ ขสมก. เป็นผู้บริหารโครงการโดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2575
ทั้งนี้ ให้ คค. (ขสมก.) พิจารณาดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) โดยคำนึงถึงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้1. ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมแข่งขันอย่างเป็นธรรม
2 .กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการผลิตรถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่า40% หรือในสัดส่วนที่เหมาะสม
3. กำหนดเงื่อนไขให้รถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ที่จะเช่าเพิ่มเติมจำนวน 1,520 คัน ในครั้งนี้ สามารถรองรับการใช้บัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่น ๆ นอกจากบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก. เช่น บัตรรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ หรือบัตรเรือโดยสาร รวมทั้งรองรับการพัฒนาระบบตั๋วร่วมที่จะดำเนินการในระยะต่อไปด้วย
โดยจะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับวัตถุประสงค์ เพื่อจัดหารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน เพื่อทดแทนรถโดยสารเดิมของ ขสมก.ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 – 30 ปี และมีปัญหา ด้านการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) โดยวิธีการเช่าเป็นระยะเวลา 7 ปี
นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ยังสามารถถ่ายโอนความเสี่ยงด้านการจัดหารถและบำรุงรักษาต่าง ๆ ให้แก่เอกชนได้ รวมทั้งช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมในเมืองดีขึ้น
ในส่วนรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่ ขสมก. จัดซื้อมาแล้วจำนวน 489 คัน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2556 [เรื่อง โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน เพื่อนำมาให้บริการทดแทนรถโดยสารเดิมที่ใช้น้ำมันดีเซล ของ ขสมก.] ยังมีสภาพดีและสามารถนำมาใช้งานต่อไปได้ ขสมก. จึงจะยังไม่มีการปลดระวางรถดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม 2. คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มชะลอตัว ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมแข่งขันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และการกำหนดให้ผู้ประกอบการผลิตรถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่า40% หรือในสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยต่อไป
นอกจากนี้ ขสมก. ควรพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ที่จะเช่าเพิ่มเติมจำนวน 1,520 คัน ในครั้งนี้ สามารถรองรับการใช้บัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่น ๆนอกจากบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก. เช่น บัตรรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ หรือบัตรเรือโดยสารรวมทั้งรองรับการพัฒนาระบบตั๋วร่วมที่จะดำเนินการในระยะต่อไปด้วย เพื่อลดภาระให้ผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะไม่ต้องพกบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภท
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผอ.ขสมก. ได้นำทีมผู้บริหารลงพื้นที่พบพนักงาน ณ อู่กำแพงเพชร เขตการเดินรถที่ 8
รับฟัง แก้ไขปัญหาจากพนักงาน เพื่อพัฒนาการให้บริการประชาชนอย่างเต็มรูปแบบทุกมิติ เพื่อรับฟัง แก้ไขปัญหา และชี้แจงความคืบหน้าโครงการต่างๆ ของ ขสมก. ให้พนักงานได้รับทราบ อาทิ ครม. มีมติเห็นชอบโครงการเช่ารถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน เพื่อทดแทนรถเมล์ร้อนเดิมที่มีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับการหาพื้นที่จอดรถเพิ่มเติมและการปรับปรุงพื้นที่อู่ที่มีอยู่
การพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้พนักงาน และเน้นย้ำความสำคัญของการดูแลสุขภาพพนักงาน และการเข้าถึงสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล โดยได้ดำเนินการขยายเครือข่ายความร่วมมือกับโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มสิทธิสวัสดิการเบิกตรงให้กับพนักงาน







