‘100 ซีอีโอ’ วิตก 'การเมืองป่วน' ฉุดเศรษฐกิจ - 42.6% หนุน ‘นายกฯ’ ลาออก

‘ซีอีโอ’ เสนอ 3 ทางออกแก้วิกฤติ นายกฯ ‘ลาออก - ยุบสภา หรือปรับคณะรัฐมนตรี’ ซีอีโอส่วนใหญ่ 42.6% แนะนายกฯ “ลาออก” มอง ‘การเมือง’ ฉุดเศรษฐกิจชะลอตัวลงรุนแรงมีแนวโน้มถดถอย มากกว่า 70% กังวลเสถียรภาพรัฐบาลเปราะบาง ขวางเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่ซีอีโอส่วนใหญ่ยก “ปัจจัยการเมือง” ความเสี่ยงสำคัญวางยุทธศาสตร์ธุรกิจจากนี้
KEY
POINTS
- "กรุงเทพธุรกิจ" สำรวจ 100 ซีอีโอในธุรกิจชั้นนำถึง สถานการณ์การเมืองซีอีโอส่วนใหญ่หนุนนายกฯ ลาออก แก้ปัญหาวิกฤติทางการเมือง และเศรษฐกิจ
- ซีอีโอ 65% มองว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มถดถอย
- มากกว่า 70% ของซีอีโอกังวลอย่างยิ่งว่าเสถียรภาพของรัฐบาลที่เปราะบางจะขัดขวางการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ
- 55% ระบุว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองกระทบวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ และกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนอย่างมาก
- เสนอให้รัฐบาลเร่งนโยบายแก้หนี้ครัวเรือนสนับสนุนท่องเที่ยว และบริการ
- เร่งรัฐบาลสร้างความชัดเจน และความต่อเนื่องนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว ลดความขัดแย้งทางการเมือง
‘ซีอีโอ’ เสนอ 3 ทางออกแก้วิกฤติ นายกฯ ‘ลาออก - ยุบสภา หรือปรับคณะรัฐมนตรี’ ซีอีโอส่วนใหญ่ 42.6% แนะนายกฯ “ลาออก” มอง ‘การเมือง’ ฉุดเศรษฐกิจชะลอตัวลงรุนแรงมีแนวโน้มถดถอย มากกว่า 70% กังวลเสถียรภาพรัฐบาลเปราะบาง ขวางเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่ซีอีโอส่วนใหญ่ยก “ปัจจัยการเมือง” ความเสี่ยงสำคัญวางยุทธศาสตร์ธุรกิจจากนี้ สิ่งที่คาดหวังต้องการรัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการแก้หนี้ประชาชน หนุนภาคท่องเที่ยวบริการ จี้รัฐบาลเร่งปลุกความเชื่อมั่น สร้างความชัดเจนต่อเนื่องนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว
สถานการณ์การเมืองไทยกำลังเผชิญวิกฤติความน่าเชื่อถือครั้งใหญ่ เมื่อความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลบานปลาย ประกอบกับประเด็นความตึงเครียดในความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา นำไปสู่การรั่วไหลของคลิปเสียง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ และเสถียรภาพรัฐบาล วิกฤติการเมืองที่ซ้ำเติมกันนี้ ยิ่งทำให้ ‘นักลงทุน’ และ ‘ซีอีโอธุรกิจ’ ขาดความมั่นใจ กังวลว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองจะฉุดเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้วให้ตกต่ำลงไปอีก จนต้องเรียกร้องให้มีการแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
“กรุงเทพธุรกิจ” สำรวจความคิดเห็น “100 ซีอีโอ” องค์กรธุรกิจชั้นนำหลากหลายกลุ่ม เช่น ภาคการผลิต เกษตร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ส่งออก การเงิน ค้าปลีก ท่องเที่ยว ภาคบริการ ไอทีดิจิทัล สตาร์ตอัป หัวข้อ ‘สถานการณ์การเมือง’ ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นธุรกิจ การลงทุนภาคเอกชน สำรวจตั้งแต่วันที่ 17-29 มิ.ย.68 ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
การสำรวจครั้งนี้ พบว่า ซีอีโอเสนอ 3 ทางออกแก้วิกฤติเศรษฐกิจต่อรัฐบาลแพทองธาร คือ ให้นายกรัฐมนตรี ‘ลาออก ยุบสภา หรือใช้วิธีปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)’ ผลสำรวจ พบว่า ซีอีโอส่วนใหญ่ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ตอบมากที่สุดแนะให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลือกวิธี ‘ลาออก’
เหตุผลหลักที่ซีอีโอมีความเห็นเช่นนี้ มองว่า สถานการณ์การเมืองที่มีความไม่ชัดเจน สับสน และไร้เสถียรภาพในปัจจุบันมีส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มที่จะถดถอย นอกจากนี้ ยังมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับเสถียรภาพรัฐบาลที่ยังคงเปราะบาง โดยมองว่า ความไม่มั่นคงนี้เป็นอุปสรรคสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้ ‘ปัจจัยทางการเมือง’ ถูกยกให้เป็นความเสี่ยงสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์ธุรกิจภายภาคหน้า ซีอีโอธุรกิจกว่าครึ่งกังวลว่า “การปรับคณะรัฐมนตรี” อาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ
ส่วนสิ่งที่ซีอีโอคาดหวังจากรัฐบาลในอนาคต คือ รัฐบาลควรเดินหน้าโครงการแก้หนี้ประชาชน อย่างจริงจัง พร้อมกันนั้นควรสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และบริการเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ซีอีโอ ยังได้แนะนำให้รัฐบาล เร่งปลุกความเชื่อมั่น สร้างความชัดเจน และต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพ และทิศทางที่ชัดเจนให้กับเศรษฐกิจไทยในอนาคต
เจาะลึกผล100 ซีอีโอเซอร์เวย์
สำหรับ ผลสำรวจครั้งนี้เมื่อลงลึกในรายละเอียด เริ่มจากคำถามถึง สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันมีผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยอย่างไร ซีอีโอ 65% มองว่า ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มถดถอย ขณะที่ รองลงมา ซีอีโอ 32.7 % มองว่า ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่ยังมีการเติบโตในบางภาคส่วน
เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน นายกรัฐมนตรี ควรตัดสินใจอย่างไร ซีอีโอส่วนใหญ่มากกว่า 40% (42.6%) มองว่า นายกรัฐมนตรีควรลาออก รองลงมา 27.7% มองว่า ควรยุบสภา ส่วนอีก 26.7% มองว่า นายกฯ ควรปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนที่เหลือมีความเห็นต่างออกไป เช่น ให้หันมาสร้างความปรองดอง ฯลฯ
ด้านความกังวลในเสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบันต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซีอีโอมากกว่า 70% มีความกังวลอย่างมาก โดยมองว่า เสถียรภาพที่เปราะบางจะขัดขวางการดำเนินนโยบาย รองลงมา ซีอีโอ 22.8% มีความกังวลปานกลาง ว่าอาจมีผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายบางอย่าง และ 4 % ระบุกังวลเล็กน้อยรัฐบาลยังคงสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้ แม้มีความท้าทาย
‘การเมือง’ กระทบต่อการวางแผนธุรกิจ
ที่น่าสนใจ ซีอีโอ เกินครึ่งมากกว่า 55% มองว่า ‘ความไม่แน่นอนทางการเมือง’ ปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้ต้องพิจารณาความเสี่ยงทางการเมืองมากขึ้นในการวางแผนยุทธศาสตร์องค์กรระยะยาว รองลงมา ซีอีโอ 40% มองว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองปัจจุบัน ทำให้การวางแผนระยะยาวเป็นไปได้ยากมาก และต้องปรับเปลี่ยนแผนบ่อยครั้ง
ในฝั่งการลงทุนภาคเอกชน เมื่อถามซีอีโอ เรื่องปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบัน (เช่น ความขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล, การปรับ ครม.) กระทบต่อความเชื่อมั่นลงทุนของภาคเอกชนมากน้อยแค่ไหน พบว่า ซีอีโอ เกินครึ่งมากกว่า 56.4% มองว่า มีผลกระทบเชิงลบอย่างมาก ทำให้ความเชื่อมั่นลดลงอย่างรุนแรง ขณะที่ ซีอีโอเกือบ 37.6% มองว่า มีผลกระทบเชิงลบในระดับปานกลาง ทำให้เกิดความลังเลในการตัดสินใจลงทุน
ส่วนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี จะกระทบความเชื่อมั่นแค่ไหนนั้น ซีอีโอมากกว่า 50% มองว่า มีผลกระทบเชิงลบในระดับปานกลาง และอาจเป็นเหตุให้ชะลอการตัดสินใจลงทุน รองลงมามองว่า มีผลกระทบเล็กน้อย เพราะเป็นเรื่องภายในที่นักลงทุนเข้าใจได้ ขณะที่ซีอีโออีกส่วนมองว่า มีผลกระทบเชิงลบอย่างมาก ทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีการ “ปรับ ครม.” ซีอีโอส่วนใหญ่ มองว่า อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินนโยบาย แต่ทิศทางหลักไม่น่าเปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่ บางส่วนมองว่า อาจส่งผลดีหากได้รัฐมนตรีที่มีความสามารถ และเหมาะสมกับงานมากขึ้น
จี้รัฐเร่งนโยบาย “แก้หนี้-หนุนท่องเที่ยว”
เมื่อถามว่า นโยบายใดของรัฐบาลที่ยังมีความจำเป็น และควรได้รับการผลักดันอย่างต่อเนื่อง ซีอีโอ ส่วนใหญ่ มองว่า ควรเร่งนโยบายการแก้หนี้ครัวเรือน และความเป็นอยู่ประชาชน รองลงมา ควรผลักดัน นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว และบริการ ตามด้วย นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)
ส่วน ข้อเสนอแนะใดๆ ถึงรัฐบาลไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศ ท่ามกลางความท้าทายทางการเมืองขณะนี้ ซีอีโอ ส่วนใหญ่ มองว่า รัฐบาลควรสร้างความชัดเจน และความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว รองลงมา ต้องเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบราชการ และการบังคับใช้กฎหมาย และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการกำหนดนโยบาย ที่สำคัญ ควรลดความขัดแย้งทางการเมือง และสร้างเสถียรภาพทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า รัฐบาลมีแผนหรือยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพียงพอหรือไม่ ซีอีโอเกินครึ่งมากกว่า 57.4% มองว่า ยังไม่มีแผนที่ชัดเจน และไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร รองลงมา ซีอีโอ มองว่า ไม่เห็นความพยายามในการแก้ปัญหา...
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







