TK หวั่นเกณฑ์เช่าซื้อใหม่เข้ม เสี่ยงผู้บริโภคหันสู่หนี้นอกระบบ

TK พร้อมรับการกำกับ ธปท. ชี้หากหลักเกณฑ์เช่าซื้อใหม่เข้มเกิน เสี่ยงผู้บริโภคหันสู่หนี้นอกระบบ เสนอ 3 แนวทาง "คุ้มครอง-เข้าถึง-ยั่งยืน" ย้ำต้องสมดุล
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ กล่าวว่า จากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2568 เรื่องพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 พ.ศ.2568
ทั้งนี้ TK พร้อมให้ความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม โดยมองว่าการเข้ามากำกับดูแลของ ธปท. จะส่งผลดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมในหลายด้าน โดยเฉพาะการที่จะมีหลักเกณฑ์และมาตรการการปล่อยสินเชื่อที่ชัดเจนเป็นมาตรฐานเดียวกัน
"สิ่งที่คาดหวังมากที่สุด คือการที่อุตสาหกรรมจะแข่งขันเป็นธรรมขึ้น เพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกัน ไม่ตัดราคาหรือแข่งขันในแนวทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เน้นการแข่งขันด้านคุณภาพการให้บริการมากขึ้น" นายประพลกล่าว
ขณะผู้บริโภคจะได้รับความคุ้มครองมากขึ้น ช่วยลดปัญหาหนี้ครัวเรือนและลดโอกาสที่ลูกหนี้จะกลายเป็นหนี้เสีย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของระบบการเงินโดยรวม
อย่างไรก็ตาม นายประพล เผยถึงผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น หากการกำหนดหลักเกณฑ์เข้มงวดเกินไป โดยยกตัวอย่างจากประสบการณ์การกำกับดูแลในอดีตที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการหาจุดสมดุล
"เห็นมาแล้วจากกรณี LTV ของสินเชื่อบ้านปี 2562 ที่แม้มีประโยชน์ในภาพรวมและส่งเสริมวินัยทางการเงิน แต่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง จนล่าสุด ธปท.ต้องผ่อนคลายมาตรการชั่วคราว หรือกรณีหลักเกณฑ์ DSR ที่แม้เจตนาดีแต่ส่งผลให้การเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนกลุ่มเปราะบางยากขึ้น"
ประเด็นที่ TK กังวลมากที่สุดคือความเป็นไปได้ที่ผู้บริโภคจะหันไปกู้หนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่มีรายได้ไม่แน่นอนและไม่สามารถยืนยันรายได้ที่ชัดเจนได้
“หากระบบการเงินปิดประตูให้ลูกค้าหรือประชาชนที่มีรายได้น้อยกลุ่มนี้ พวกเขาจะต้องหันไปหาแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งจะทำให้การควบคุมจากภาครัฐทำได้ยากขึ้น และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ ธปท. ต้องการ" นายประพลชี้ให้เห็น
นอกจากนี้มีเสนอ 3 แนวทางเพื่อสร้างสมดุล “คุ้มครอง - เข้าถึง - ยั่งยืน” โดยจากประสบการณ์ดำเนินธุรกิจให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มากว่า 50 ปี TK เสนอแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์ที่สมดุลใน 3 มิติหลัก ดังนี้
1.มิติการคุ้มครองผู้บริโภค กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจให้บริการทางการเงินให้กับผู้บริโภคได้ โดยอ้างอิงจากการศึกษาต้นทุนธุรกิจที่ ธปท. เคยดำเนินการในปี 2565
2.มิติการเข้าถึงบริการ ให้ความยืดหยุ่นในการประเมินความสามารถการชำระหนี้สำหรับกลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน แต่มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ
3.มิติความยั่งยืน ให้ผู้ประกอบการมีผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจและขยายบริการได้อย่างต่อเนื่อง ทั่วถึงประชาชนที่มีรายได้น้อย ไม่ต้องหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบ เพื่อบริการทางการเงินที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ การกำหนดนโยบายต้องคำนึงความสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและการรักษาโอกาสการเข้าถึงบริการการเงินของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มมีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งหากกำหนดกรอบการทำงานที่เหมาะสมจะช่วยให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมและมีผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงสำหรับผู้ประกอบการ
ในขณะเดียวกันก็สามารถคุ้มครองผู้บริโภคและรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ TK มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยเงินสดและเงินฝากมากกว่า 3,000 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) อยู่ระดับต่ำเพียง 0.06 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ปกติของอุตสาหกรรมมาก แสดงให้เห็นถึงการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวัง และความพร้อมปรับตัวตามกฎเกณฑ์ใหม่
รวมทั้ง TK กระจายความเสี่ยง โดยมีพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศ ทั้งที่กัมพูชาและ สปป. ลาว คิดเป็น 54% ของพอร์ตรวม ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาตลาดในประเทศเพียงแหล่งเดียว ทั้งยังคงมองหาโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ พร้อมพัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
นายประพล กล่าวว่า TK พร้อมให้ความร่วมมือ ธปท.ออกแบบหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม ในการสร้างระบบการเงินที่แข็งแกร่ง โปร่งใส และเข้าถึงได้ โดย TK พร้อมแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยให้การกำหนดนโยบายที่ส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน