ไทยปักธง 'เวลเนส' แสนล้านปูทางสู่การเติบโตยั่งยืน!

ไทยปักธง 'เวลเนส' แสนล้านปูทางสู่การเติบโตยั่งยืน!

ประเทศไทยกำลังเร่งเครื่องผลักดันตนเองสู่การเป็น “ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ” (Wellness & Medical Hub) อย่างเต็มกำลัง ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์เชิงรุกอันสำคัญยิ่งในการสร้างรายได้มหาศาลเข้าสู่ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มีมูลค่าตลาดสูงถึงประมาณ 95% ของตลาดสุขภาพโดยรวมทั้งหมด

    เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ การขับเคลื่อน Medical Hub ในปี 2568 จะเน้นหนักไปที่ 4 บริการเฉพาะทาง ได้แก่ บริการเสริมความงาม, การแปลงเพศ, ภาวะมีบุตรยาก, และทันตกรรม พร้อมกันนี้ ยังมีการเสาะแสวงหาตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มชาวต่างชาติเพื่อดึงดูดให้เข้ามาใช้บริการในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
    จากข้อมูลการวิเคราะห์อุตสาหกรรม คาดการณ์ว่า รายได้รวมของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยในปี 2568 จะเติบโตขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้คือ การขยายตัวของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงถึง 7.6% ตัวเลขการเติบโตที่คาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพมหาศาลของธุรกิจโรงพยาบาล ในฐานะกลไกสำคัญในการสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ

    ด้วยเหตุนี้ ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่งจึงได้มีการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง Ecosystem สำหรับการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่มาให้บริการ หรือการเปิดศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและซับซ้อน ทั้งจากกลุ่มผู้ป่วยและ ผู้ที่ต้องการดูแลร่างกายให้มีสุขภาพดีแบบยืนยาว
    กลยุทธ์สำคัญในการสร้างรายได้เชิงรุกคือ การเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคและประเทศใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดหลักเดิม ซึ่งรวมถึงกลุ่มลูกค้าจากยุโรป, อเมริกา, และออสเตรเลีย เสริมจากกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่เติบโตเป็นอันดับหนึ่งในปี 2024 นอกจากนี้ ตลาดใหม่ที่มีแนวโน้มสำคัญได้แก่ มัลดีฟส์ และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นสัดส่วนหลักของผู้ป่วยต่างชาติในอนาคต การนำแนวคิด “Wellness” หรือการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เข้าไปเจาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อาทิ ดูไบและซาอุดีอาระเบีย จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สำคัญ

    ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นความพยายามอันแน่วแน่ ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น “หมุดหมายของการดูแลสุขภาพ” ระดับโลก เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลก ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึง 20% ต่อปี และมีมูลค่าธุรกิจ Wellness คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568 สำหรับประเทศไทยเอง คาดการณ์ว่าในปี 2570 มูลค่าตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จะสูงถึง 7.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจอันมหาศาล
    ดังนั้น การทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การยกระดับคุณภาพบริการทางการแพทย์เท่านั้น หากแต่ยังเป็นเสาหลักสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล และตอกย้ำภาพลักษณ์ของไทยในฐานะ “ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ” ได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน