‘ทุนไทย’ผวาธุรกิจในกัมพูชาหวั่นปมขัดแย้ง 2 ชาติลากยาว

สภาธุรกิจไทย-กัมพูชา หวั่นสถานการณ์ลงทุนไทยในกัมพูชา หากลากยาว ซ้ำเติมภาษีทรัมป์ เผยไทยลงทุนกัมพูชากว่า 3.7 พันล้านดอลลาร์ OR ยันสถานการณ์ธุรกิจในกัมพูชายังปกติ มองเป็นบ้านหลังที่ 2 สร้างงานสร้างอาชีพคนในพื้นที่ SCG ย้ำการเป็นมิตรที่ดีกับคนในพื้นที่ สร้างงาน-รายได้ให้ท้องถิ่น
KEY
POINTS
Key Point
- การลงทุนไทยในกัมพูชาสะสมถึงปัจจุบันรวม 3,785 ล้านดอลลาร์ และจ้างแรงงานกัมพูชา 62,733 คน
- ประธานสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา ระบ นักลงทุนไทยมีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอาจส่งผลต่อการชะลอการลงทุนไทยในกัมพูชา นอกเหนือจากปัญหาภาษีทรัมป์ และจีโอโพลิติกส์
- OR เผย ธุรกิจในกัมพูชายังคงเป็นปกติ ชู คาเฟ่ อเมซอน เป็นบ้านหลังที่ 2 สร้างงานสร้างอาชีพให้คนกัมพูชา
- SCG ลงทุนในกัมพูชาคิดเป็นมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท การดำเนินธุรกิจยังปกติ
“กัมพูชา” เป็นประเทศที่มีผู้ประกอบการไทยไปลงทุนจำนวนมากครอบคลุมธุรกิจการผลิต บริการและการค้า ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยในกัมพูชาเคยประสบปัญหาการถูกต่อต้าน โดยเฉพาะช่วงหลังเหตุการณ์การเผาสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เมื่อปี 2548 รวมถึงการปะทะบริเวณชายแดนเมื่อปี 2554 และทำให้หลังจากนั้นบริษัทไทยในกัมพูชาต้องมีรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ Council for the Development of Cambodia (CDC) ได้สรุปข้อมูลการลงทุนไทยในกัมพูชาสะสมถึงปัจจุบันรวม 3,785 ล้านดอลลาร์ และจ้างแรงงานกัมพูชา 62,733 คน โดยการลงทุนของไทยกระจายใน 3 กลุ่มประกอบด้วย
1.ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, อาหาร เครื่องดื่มและอื่นๆ รวมมูลค่าการลงทุน 294 ล้านดอลลาร์ จ้างแรงงาน กัมพูชา 11,575 คน
2.ภาคเกษตรกรรม ได้แก่ โรงสีข้าว, อุตสาหกรรมเกษตรและอื่นๆ มูลค่าการลงทุน 2,124 ล้านดอลลาร์ จ้างแรงงานกัมพูชา 10,210 คน
3.ภาคบริการ ได้แก่ โรงแรม, ธนาคาร, ประกัน, โรงพยาบาล, วัสดุก่อสร้าง, ธุรกิจค้าปลีกและอื่นๆ มูลค่าการลงทุน 1,366 ล้านดอลลาร์ จ้างแรงงานกัมพูชา 40,948 คน
ล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ประเมินความเสี่ยงบริษัทไทยในกัมพูชา 2 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มที่มีความเสี่ยง ประกอบด้วย บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งนอกจากจะส่งออกไปกัมพูชายังมีแผนลงทุนตั้งโรงงานในกัมพูชามูลค่า 1,450 ล้านบาท
2.กลุ่มที่มีความเสี่ยงจำกัด ประกอบด้วย กลุ่มโรงพยาบาล บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) มีโรงพยาบาล 2 แห่งในกัมพูชา , บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชา 39 เมกะวัตต์
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR มีปั๊มน้ำมัน 186 แห่ง, ร้าน Cafe Amazon 254 แห่ง และร้านสะดวกซื้อ 71 แห่งในกัมพูชา
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มี 7-Eleven ในกัมพูชา 112 สาขา รวมทั้งมีแผนตั้ง CP ALL (Cambodia) Co., Ltd. และได้รับสิทธิแฟรนไชส์ 30 ปี
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ดำเนินธุรกิจค้าปลีกบิ๊กซีในกัมพูชา 25 สาขา โดยมีสาขาแรกที่ปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) มีโรงภาพยนตร์ในกัมพูชา 6 แห่ง รวม 33 จอ โดยร่วมมือกับ อิออน มอลล์ เปิดสาขาแรกปี 2557
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ลงทุนในกัมพูชามานานกว่า 33 ปี ภายใต้แบรนด์ “K Cement” มีมูลค่าการลงทุน 15,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาด 30%
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อย C.P.Cambodia Co., Ltd. ตั้งแต่ปี 2539
ทุนไทยกังวลความขัดแย้งกัมพูชา
นายวรทัศน์ ตันติมงคลสุข ประธานสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในลักษณะปัจจุบันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งบริษัทไทยที่ไปลงทุนในกัมพูชาได้ปรับตัวมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัท รวมถึงการบริหารความเสี่ยงในการทำธุรกิจซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ ส่วนธุรกิจสินค้าโกลบอลแบรนด์จะเปลี่ยนยากเพราะต้องใช้ชื่อแบรนด์ต่อ
ขณะที่การลงทุนไทยในกัมพูชาเข้าไปลงทุนไม่น้อย ซึ่งบริษัทไทยต่างมีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอาจส่งผลต่อการชะลอการลงทุนไทยในกัมพูชา ซึ่งทำให้นักประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นักลงทุนต้องการให้ยุติโดยเร็วเพื่อเดินหน้าธุรกิจต่อไป
“นักลงทุนนักธุรกิจไทยในกัมพูชาต้องการให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมมีปัญหาอะไรก็เจรจากันไป เพื่อหาข้อยุติ ตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศตามข้อตกลงกัน ส่วนการเปิด-ปิด ด่านก็กระทบการค้าทั้ง 2 ประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ดังนั้น สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตัดสินใจชะลอการลงทุนในกัมพูชาเพิ่มขึ้น ซึ่งเดิมมีปัจจัยเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีทรัมป์ รวมถึงสงครามอิสราเอลและความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ล้วนเป็นปัจจัยทำให้นักลงทุนไทยกังวลและชะลอการลงทุน เพราะเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะภาษีทรัมป์ที่มีผลต่อการส่งออกสินค้าของกัมพูชา
“การลงทุนกัมพูชาเพื่อส่งออกไปสหรัฐโดนเก็บภาษีอัตราสูง นักลงทุนต้องมองแล้วว่าจะคุ้มทุนหรือไม่ ซึ่งคงต้องดูว่าการเจรจาภาษีกับสหรัฐจะจบลงด้วยการเก็บภาษีอัตราใด โดยที่ผ่านมาทางสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา นำธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอเข้าหารือกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอกัมพูชา เพื่อหาความร่วมมือด้านการลงทุนร่วมกัน”
นักธุรกิจเดาสถานการณ์ลำบาก
นอกจากนี้ สถานการณ์ไทย-กัมพูชามีความไม่แน่นอนเพราะวันต่อไปไม่แน่ใจจะเป็นอย่างไร ซึ่งแม้ว่าด่านชายแดนยังไม่ถูกสั่งปิดทั้งหมด แต่จำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านเข้มงวดขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องส่งสินค้าให้เร็วขึ้นจากมาตรการปิดด่านเร็วขึ้น แม้ไม่สะดวกเกิดการสะดุด แต่การส่งสินค้าข้ามแดนยังไปได้ปกติ แต่หากส่งสินค้าไม่ได้จะกระทบเพราะสต๊อกสินค้าหมดใน 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่งออกได้ปรับตัวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเคยมีบทเรียนมาแล้วในอดีต โดยมีการส่งออกให้เร็วขึ้น การปรับเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้า
รวมทั้งหากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปทางผู้ประกอบการเองต้องหาทางใหม่ในการส่งออกสินค้าเพื่อเป็นทางเลือก เช่น การส่งสินค้าทางเรือ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้นทำให้ต้องปรับราคาสินค้าและส่งผลให้ขายสินค้าได้น้อยลง เพราะผู้บริโภคหันหาซื้อสินค้าราคาถูก ดังนั้นคาดว่าสินค้าจากประเทศคู่แข่งที่เป็นสินค้าประเภทเดียวกันจะเข้ามาทดแทนสินค้าไทยมากขึ้น
OR ชี้ธุรกิจในกัมพูชาสัมพันธ์แน่น
แหล่งข่าวจาก OR ระบุว่า สถานการณ์ธุรกิจในกัมพูชายังคงเป็นปกติ ซึ่ง OR เปิดคาเฟ่ อเมซอน ที่กัมพูชาตามนโยบายให้เป็นบ้านหลังที่ 2 โดยการเปิดร้าน Café Amazon Concept Store สาขาตวลโก๊ก เป็นแห่งแรกในกัมพูชา
ทั้งนี้ OR มุ่งเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงพนมเปญ โดยเห็นศักยภาพของกัมพูชาทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจและโอกาสทางธุรกิจ โดยดำเนินการภายใต้บริษัท PTT Cambodia Limited (PTTCL)
“OR กับกัมพูชาถือเป็นมิตรต่อกันมาด้วยดี การเข้าไปทำธุรกิจได้สร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับประชาชนในกัมพูชา และไม่ได้เกลียดชังอะไรกัน จึงเป็นเพียงกระแสโซเชียลเท่านั้น”
นอกจากนี้ ข้อมูล ณ เดือนเม.ย.2568 พบว่า Café Amazon มีสาขารวม 4,879 สาขา ใน 11 ประเทศ โดยมีสาขาต่างประเทศในกัมพูชาเป็นอันดับ 1 รวม 258 สาขา รวมทั้งมีสาขาสถานีบริการ PTT Station รวม 190 สาขา ซึ่งสาขา Neak Vorn เป็นสถานีบริการ Flagship ครบวงจรกลางกรุงพนมเปญอย่างเป็นทางการ
SCG ลงทุนกัมพูชารวม 1.5 หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจสอบถามบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับคำยืนยันเช่นเดียวกันว่า การดำเนินธุรกิจในกลุ่ม SCG ในกัมพูชายังคงเป็นไปตามปกติ ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ SCG ทำธุรกิจในกัมพูชามานาน เป็นมิตรที่ดีต่อคนในพื้นที่ สร้างงาน สร้างอาชีพอย่างต่อเนื่อง โดยจ้างแรงงานในพื้นที่เกือบ 100%
ทั้งนี้ปี 2004-2005 SCG ลงทุนโรงงานปูนซิเมนต์แห่งแรกในกัมพูชา ภายใต้แบรนด์ “K Cement” ซึ่งย่อมาจากคำว่า “Khmer” ที่แสดงถึงความเป็นท้องถิ่นและการยอมรับจากชุมชนกัมพูชา โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดกำปอด และเริ่มผลิตปูนซิเมนต์ในปี 2007
นอกจากนี้ SCG ลงทุนในกัมพูชาคิดเป็นมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในต่างประเทศของ SCG ที่มีมูลค่ารวม 390,000 ล้านบาท โดยกัมพูชาครองอันดับ 3 รองจากเวียดนามและอินโดนีเซีย