อิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้อิสราเอล ดันราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 7%

อิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้อิสราเอล ดันราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 7% เหตุกังวลอุปทานชะงัก จากความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านทวีความรุนแรงขึ้นจากการโจมตีตอบโต้กันหลายระลอก
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดน้ำมันวันศุกร์ (13 มิ.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า ราคาน้ำมันดิบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพุ่งขึ้นราว 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกลัวในหมู่นักลงทุนว่าความขัดแย้งอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
ผู้ค้าน้ำมันมองว่าการโจมตีของอิสราเอลเป็นเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุด นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ
โดยราคาน้ำมันดิบปิดที่ระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ราคาในวันศุกร์ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 4.94 ดอลลาร์ หรือ 7.26% ปิดที่ 72.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้น 4.87 ดอลลาร์ หรือ 7.02% ปิดที่ 74.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลรายงานว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอลเมื่อเย็นวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อตอบโต้ ขณะกองทัพหสหรัฐช่วยยิงสกัด ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% ในการซื้อขายต่อนอกเวลาตลาดทำการปกติ หลังอิหร่านตอบโต้
อิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารแบบกำหนดเป้าหมายเพื่อต่อต้านโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลของอิหร่านในช่วงเช้าของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวในคำปราศรัย การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันที่สำคัญใดๆ
อิสราเอลโจมตีฐานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมหลักของอิหร่านที่เมืองนาทันซ์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำ และโจมตีจุดศูนย์กลางของโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลของอิหร่าน เนทันยาฮูกล่าว การโจมตีทางอากาศยังสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอิหร่านอีกด้วย
“ปฏิบัติการนี้จะดำเนินต่อไปอีกหลายวันจนกว่าจะกำจัดภัยคุกคามนี้ได้” เนทันยาฮูกล่าว
สหรัฐยันไม่ร่วมโจมตีอิหร่าน
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าอิสราเอลได้ “ดำเนินการฝ่ายเดียวต่ออิหร่าน” โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ รูบิโอเตือนอิหร่านไม่ให้โจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
“เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีอิหร่าน และสิ่งสำคัญที่สุดของเราคือการปกป้องกองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาค” รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ “อิสราเอลแจ้งให้เราทราบว่าพวกเขาเชื่อว่าการดำเนินการนี้จำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าอิหร่านต้องจ่ายราคาสำหรับการล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ภายใน 60 วัน
ทรัมป์กล่าวในโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ของเขาว่า “พวกเขาควรทำมัน” “วันนี้เป็นวันที่ 61 ผมบอกพวกเขาว่าต้องทำอย่างไร แต่พวกเขาไม่ได้ทำ ตอนนี้พวกเขาอาจมีโอกาสครั้งที่สองแล้ว!”
ราคาน้ำมันจะเป็นอย่างไรต่อไป?
ตลาดน้ำมันมีความเสี่ยงจากอุปทานน้ำมันจากทั้งเตหะรานและผู้เล่นในภูมิภาคอื่นๆ ที่อาจเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งดังกล่าว โดยรายงานตลาดน้ำมันรายเดือนของโอเปกประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งรวบรวมการประเมินจากแหล่งข่าวผู้วิเคราะห์อิสระ ระบุว่าการผลิตน้ำมันของอิหร่านอยู่ที่ 3.305 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายน
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤตน้ำมันโลกในเบื้องต้น กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่ามีน้ำมันสำรองฉุกเฉิน 1.2 พันล้านบาร์เรลในระบบความมั่นคงด้านพลังงาน
ฟาติห์ บิโรล ผู้อำนวยการบริหารของ IEA กล่าวว่า "IEA กำลังเฝ้าติดตามผลกระทบต่อตลาดน้ำมันจากสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างแข็งขัน ตลาดมีอุปทานเพียงพอในวันนี้ แต่เราพร้อมที่จะดำเนินการหากจำเป็น"
แอนดี้ ลิโปว์ ประธาน Lipow Oil Associates กล่าวว่านักลงทุนด้านน้ำมันกังวลว่าอิหร่านจะตอบโต้ด้วยการโจมตีเป้าหมายของอิสราเอลหรืออเมริกา ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับปฎิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ และอาจเกิดการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมัน
“อิหร่านรู้ดีว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังมุ่งให้ราคาพลังงานลดลง” ลิโพว์กล่าวกับทีวีซีเอ็นบีซี และเสริมว่าการกระทำของอิหร่านที่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางและส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นนั้นจะสร้างความเสียหายทางการเมืองต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ
- แหล่งผลิตน้ำมันของอิหร่านไม่ได้ตกเป็นเป้าหมาย
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดความกังวลว่าอิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นจุดคอขวดสำคัญที่เชื่อมอ่าวเปอร์เซียและอ่าวโอมาน และเป็นเส้นทางผ่านของน้ำมันดิบของโลกถึงหนึ่งในห้า
แม้ว่าปฏิบัติการของอิสราเอลจะมีความสำคัญมากกว่าที่เห็นมาเป็นเวลานาน แต่ไม่มีการโจมตีเป้าหมายโดยตรงต่อโรงงานการผลิตหรือระบบการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งหมายความว่าเตหะรานสามารถส่งออกน้ำมันต่อไปได้ เอลเลน วอลด์ ผู้ก่อตั้งร่วมของ Washington Ivy Advisors กล่าว
“สำหรับอิหร่านแล้ว การพยายามขัดขวางการส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซไม่มีประโยชน์ใดๆ” วอลด์กล่าว พร้อมอธิบายว่าหากอิหร่านพยายามทำเช่นนั้น อิหร่านจะถูกตอบโต้
ความสามารถของอิหร่านในการปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซทางกายภาพทั้งหมดนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แม้ว่าเรือจะแล่นผ่านน่านน้ำอิหร่าน แต่เรือก็ยังสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังน่านน้ำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และโอมานได้ วอลด์กล่าว “แม้ว่าจะมีช่วงเวลาแห่งการหยุดชะงัก แต่ก็ไม่น่าจะยาวนานนัก”
นอกจากนี้ วอลด์เตือนว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากการปิดช่องแคบฮอร์มุซอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากจีน ซึ่งเป็นลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน
“จีนไม่ต้องการให้การไหลของน้ำมันออกจากอ่าวเปอร์เซียหยุดชะงักไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ และจีนก็ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ดังนั้น จีนจะใช้พลังทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่มีเพื่อกดดันอิหร่าน” เธอกล่าวเสริม
“ฉันไม่คิดว่าเราจะเจออะไรร้ายแรงเท่ากับตอนที่รัสเซียรุกรานยูเครน แค่ไม่มีความเสี่ยงต่ออุปทานน้ำมันมากนัก” เธอกล่าว







