ส.อ.ท. ชี้ 6 คำขู่กัมพูชาเกมต่อรอง! เชื่อแรงงานไม่กลับ หวัง JBC จบสวย วิน 2 ฝ่าย

"ส.อ.ท." ชี้กัมพูชาออก 6 ข้อตอบโต้ไทย เป็นเกมต่อรองก่อนถก JBC หวั่นกระทบ "การค้า-ท่องเที่ยว-แรงงาน" โดยแรงงานนับล้านเสี่ยงไร้ที่รองรับ
จากการณีที่ "สมเด็จฮุนเซน" ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก เสนอแนวทางการดำเนินการของฝ่ายกัมพูชา 6 ข้อหากไทยไม่ยอมเปิดด่านชายแดน ประกอบด้วย
1. ประกาศยุติการนำเข้าสินค้าไทยเพื่อใช้ในตลาดกัมพูชา หมายความว่าให้หยุดใช้สินค้าจากไทย และหันมาใช้สินค้าภายในประเทศหรือสินค้าจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ไทยแทน
2. เตรียมการจัดซื้อสินค้าที่ส่วนมากเป็นผลผลิตทางการเกษตรจากประชาชน ซึ่งเคยส่งขายให้กับไทย โดยพยายามหาตลาดรองรับให้กับประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3. นำผู้ป่วยที่เคยเดินทางไปรักษาตัวในประเทศไทย ให้หันมารับบริการที่โรงพยาบาลภายในประเทศ หรือในประเทศอื่นแทน
4. เตรียมรับและจัดหางานให้กับแรงงานที่กลับมาจากประเทศไทย เนื่องจากขณะนี้กัมพูชากำลังขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และก่อสร้างรวมกันหลายหมื่นตำแหน่ง พี่น้องแรงงานสามารถกลับมาก่อนที่ไทยจะบังคับขับไล่ เพราะตอนนี้บางพื้นที่แรงงานกัมพูชาถูกดูถูกและรังเกียจอย่างรุนแรง
5. กองกำลังติดอาวุธทุกประเภทต้องเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง บนแนวชายแดน เพื่อป้องกันและตอบโต้ในกรณีที่มีการรุกราน
6. จังหวัดที่อยู่ใกล้ชายแดนต้องเตรียมการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย และจัดเตรียมเสบียงอาหาร ยา และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ให้พร้อม
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า กรณีที่กัมพูชาประกาศ 6 ข้อ เพื่อตอบโต้มาตรการของไทย ซึ่งถือเป็นเพียง "การต่อรอง" ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย. 2568) โดยยอมรับว่า มาตรการของไทยที่ปรับลดเวลาการเปิด-ปิดด่านชายแดน ได้สร้างผลกระทบต่อกัมพูชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ค้าขายสะดุด-ท่องเที่ยวทรุด
นายเกรียงไกร กล่าวว่า มาตรการของไทยที่ขยับเวลาการเปิด-ปิดด่านเร็วขึ้น ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดน ทำให้ระยะเวลาทำการสั้นลง ปริมาณสินค้าที่ขนส่งได้น้อยลง และเพิ่มต้นทุนในการขนส่ง ที่สำคัญคือ แม้ด่านถาวร 4 จุด ซึ่งเป็นจุดหลักในการผ่านสินค้าเข้า-ออกกัมพูชา กระทบต่อนักท่องเที่ยวซึ่งสร้างผลกระทบอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยเป็นกลุ่มลูกค้าหลักจำนวนมากที่เดินทางเข้ากัมพูชา โดยเฉพาะกลุ่ม "กระเป๋าหนัก" ที่เดินทางไปเสี่ยงโชคที่คาสิโน เพราะลูกค้าหลักคือประเทศไทย ดังนั้น การจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจึงเป็นมาตรการกดดันที่สำคัญ
"ประกาศ 6 ข้อของกัมพูชา เป็นการพิจารณาถึงมาตรการตอบโต้ หากไทยยังคงจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการดึงแรงงานกัมพูชากลับประเทศ เชื่อว่าเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ"
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีแรงงานกัมพูชาที่ถูกกฎหมายและขึ้นทะเบียนอยู่ในไทยประมาณ 430,000 คน แต่ที่ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย คาดการณ์ว่ามีมากกว่า 3 เท่า หรืออาจสูงถึงหลักล้านคน หากแรงงานกลุ่มนี้ต้องเดินทางกลับประเทศกัมพูชา จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอนต่อภาคการผลิต ภาคก่อสร้าง และอุตสาหกรรมหลายประเภทในไทยที่พึ่งพาแรงงานต่างด้าว
อย่างไรก็ตาม นายเกรียงไกร เน้นย้ำว่า แรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในไทยส่วนใหญ่เป็นเมียนมา ซึ่งมีจำนวนมากกว่ากัมพูชามาก โดยการที่แรงงานกัมพูชาจำนวนเป็นล้านคนจะต้องเดินทางกลับไปนั้น กัมพูชาไม่มีทางที่จะรองรับได้เลย เพราะเศรษฐกิจของกัมพูชาไม่ได้ดีนัก ไม่มีอาชีพหรือธุรกิจรองรับ ทำให้แรงงานกลับไปก็ไม่มีอะไรกิน ซึ่งสะท้อนว่าการดึงแรงงานกลับเป็นปัญหาของกัมพูชาเองด้วยซ้ำ จึงมองว่าเป็นเพียงการกดดันหรือเป็นเงื่อนไขในการตอบโต้เพื่อให้เกิดการเจรจาบนโต๊ะ
วอนเจรจาสันติวิธี หลีกเลี่ยงชนวนชาตินิยม
นายเกรียงไกร ย้ำถึงความปรารถนาของ ส.อ.ท. ที่ต้องการให้ทั้งสองประเทศหาทางเจรจาในวันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) ในการประชุม JBC ให้ได้ข้อสรุปที่ผ่อนปรนเงื่อนไข และจบลงด้วยดีอย่างสันติวิธีเพื่อให้ประชาชนทำการการค้าการขายและธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ และผู้คนสามารถเดินทางข้ามไปมาได้ ทุกฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์และมีรายได้ ดังนั้น ความจำเป็นที่จะต้องหาทางออกร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความกระทบกระทั่งที่อาจจุดประเด็นให้กลุ่มผู้ที่มีความเป็นชาตินิยมสูงนำไปขยายความจนเกิดความขัดแย้งบานปลาย
"การบานปลายของความขัดแย้ง จะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่อาจเกิดการประท้วงหรือเผาสถานที่เหมือนในอดีต ซึ่งเป็นการเตือนกลายๆ ในประกาศ 6 ข้อนั้นเอง" นายเกรียงไกร กล่าว