จับตา 'กัมพูชา' เรียกกลับ แรงงาน 5 แสนคน 'หอการค้า' ชี้กระทบก่อสร้าง-ล้งผลไม้

"หอการค้าไทย" วอน ไทย-กัมพูชา เร่งเจรจาหายุติข้อพิพาท ชี้ หากกัมพูชาเรียกแรงงานกลับกระทบก่อสร้าง แต่ทดแทนแรงงานจากชาติอื่นได้ "หอการค้าจันทบุรี" คาดกระทบแรงงานล้ง
KEY
POINTS
- ปัจจุบันแรงงานกัมพูชาในไทยมีประมาณ 5 แสนคน ทั้งประเทศที่เข้ามาทำงานถูกกฎหมาย และจดทะเบียนไม่ถูกต้องประมาณ 1 แสนคน
- "หอการค้าไทย" ประเมินกรณีกัมพูชาเรียกแรงงานกลับประเทศจะกระทบธุรกิจภาคก่อสร้าง แต่สามารถทดแทนแรงงานจากชาติอื่นได้
- "หอการค้าจันทบุรี" คาดการเรียกแรงงานกลับจะกระทบแรงงานภาคการเกษตร โดยเฉพาะที่ทำงานล้งคิดเป็น 80% ของแรงงานในพื้นที่
- ภาคธุรกิจยังคงเรียกร้องให้การเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา ได้ข้อสรุปโดยเร็วเพื่อระงับข้อพิพาท เพราะกระทบทางเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ
สถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บริเวณ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2568 กลายเป็นข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาที่มีผลต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาทเรื่องชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice - ICJ) หรือศาลโลก
ขณะที่ไทยต้องไม่ต้องการไปศาลโลกแต่ต้องการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชา-ไทย (JBC) ในการแก้ปัญหา ซึ่งการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.2568 ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปและประชุมต่อวันที่ 15 มิ.ย.2568 โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาระบุว่าทั้ง 2 ฝ่ายเดินหน้าปรับความคิดเข้าหากัน และฝ่ายไทยหวังว่าการหารือครั้งนี้จะลดความตึงเครียดของสถานการณ์
สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียช่วงบ่ายวันที่ 14 มิ.ย.2568 เรียกร้องให้แรงงานชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศก่อนที่ทางการไทยจะขับไล่พวกออกไป และระบุว่าใครก็ตามที่เป็นชาวกัมพูชา ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเอกสาร รัฐบาลจะยอมรับให้เดินทางกลับได้
กระทรวงแรงงานรายงานว่าปัจจุบันมีแรงงานกัมพูชาทำงานในประเทศไทยประมาณ 5 แสนคน แบ่งได้ 4 กลุ่ม ดังนี้
- แรงงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 ก.ย.2567 และมติ ครม.วันที่ 4 ก.พ.2568 เป็นแรงงานกัมพูชาที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว 40,942 คน และอยู่ระหว่างดำเนินการ 154,607 คน
- แรงงานที่ได้รับอนุญาตตามมติ ครม.วันที่ 24 ก.ย.2567 (จดทะเบียนไม่ถูกต้อง) มีจำนวนแรงงานกัมพูชากลุ่มนี้ 110,771 คน
- แรงงานที่ได้รับอนุญาตทำงานแบบไป-กลับ หรือตามฤดูกาล มีจำนวนแรงงานกัมพูชากลุ่มนี้ 184,810 คน
-
แรงงานที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานตาม MoU มีแรงงานกัมพูชากลุ่มนี้ 184,810 คน
แหล่งข่าวจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ทางภาคเอกชนต้องการให้มีการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพราะไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ เพราะต่างพึ่งพาอาศัยกันทั้งการค้าและการลงทุนร่วมกัน
ส่วนปัญหาแรงงานที่จะมีการเรียกกลับประเทศกัมพูชานั้น อาจจะส่งผลกระทบในส่วนของภาคก่อสร้างที่มีการใช้แรงงานกัมพูชาค่อนข้างมาก แต่สามารถทดแทนได้ด้วยแรงงานจากชาติอื่นได้
ในขณะที่แรงงานที่ต้องเดินทางกลับประเทศก็จะได้รับผลกระทบจากรายได้ และเห็นว่าการประกาศยกระดับมาตรการตอบโต้ระหว่างกันอาจทำให้เวทีเจรจา JBC ล่มหรืออาจไม่บรรลุผล
สำหรับประเด็นที่มีกระแสแบนสินค้าไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่กระทบโดยเชื่อว่าจะมีตัดสินจากคุณภาพ แต่หากกัมพูชามีการแบนก็อาจจะไปนำเข้าสินค้าจากจีนหรือเวียดนามเพิ่มขึ้น
นายอุกฤษฏ์ วงษ์ทองสาลี ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันแรงงานกัมพูชามีบทบาทในภาคเกษตรของจันทบุรี โดยมีแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานทั้งการเก็บผลไม้ คัดกรอง การบรรจุกล่อง เป็นต้น ซึ่งมีจำนวนแรงงานคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80 %ของแรงงานภาคการเกษตร
"การปิดด่านไม่กระทบเฉพาะแค่มูลค่าเศรษฐกิจ แต่อาจจะกระทบต่อแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในล้งผลไม้จันทบุรี"
ขณะที่การเปิด-ปิดด่าน บ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดจันทบุรี ว่า ทั้ง 2 ด่านมีความสำคัญด้านการค้าขาย เป็นการชั่วคราวประเมินว่า ถ้าเปิดด่าน 1 สัปดาห์หรือเป็นเดือนจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาท







