อิสราเอลโจมตีอิหร่าน ดันน้ำมันโลกพุ่ง 'พลังงาน' เอาอยู่! ตรึงดีเซล 32 บาท

ด่วน! อิสราเอลโจมตีอิหร่าน ดันราคาน้ำมันโลกพุ่งทันที 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล "กระทรวงพลังงาน" เอาอยู่! พร้อมจับตาใกล้ชิด ให้คำมั่นในช่วงนี้ตรึงดีเซลเหมือนเดิมไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร
แหล่งข่าวในกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่กลับมาร้อนแรงขึ้น หลังอิสราเอลโจมตีอิหร่าน ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวสูงขึ้นทันที 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือคิดเป็น 1.3% แตะระดับ 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่งผลให้กระทรวงพลังงาน ต้องเร่งหารือ และจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะมีการปรับขึ้นราคาดีเซลในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ยังคงตรึงไว้ที่ไม่เกิน 32 บาทต่อลิตรหรือไม่
แหล่งข่าวระบุว่า ในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่ชัดเจน แต่ตามแผนรับมือของ สกนช. หากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กองทุนน้ำมัน ก็พร้อมเข้าช่วยเหลือพยุงราคาเหมือนที่เคยทำมา ดังนั้น ในช่วงนี้ราคาดีเซลจะยังคงตรึงไว้ที่ไม่เกิน 32 บาทต่อลิตรต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกิน 5 ดอลลาร์ภายใน 1 สัปดาห์ตามเกณฑ์วิกฤติ กองทุนน้ำมัน จะมีการพิจารณาเข้าช่วยเหลือเพิ่มเติมทันที ซึ่งตอนนี้ก็จับตาและเตรียมความพร้อม และจะต้องดูราคาอีกครั้งดังนั้น ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 นี้ จะต้องประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจว่าจะอัดฉีดเงินเข้าไปพยุงราคาเพิ่มเติมหรือไม่
"วันนี้เพิ่งจะมีการวางระเบิดกัน จึงบอกอะไรตอนนี้ยาก แต่หากวิกฤติยืดเยื้อก็ต้องหารืออย่างเข้มข้น ต้องยอมรับว่าตลาดน้ำมันมีความผันผวนสูง คล้ายกับตลาดหุ้นหรือตลาดทองคำ ที่ราคาจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ทันที แต่ความยืดเยื้อของสถานการณ์ต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาในระยะยาว
สำหรับฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2568 พบว่า ยังมีหนี้เงินกู้อยู่ที่ 55,277 ล้านบาท จากยอดเงินกู้รวมทั้งหมด 105,333 ล้านบาท โดยสถานกองทุนน้ำมัน มียอดติดลบสะสมอยู่ที่ 38,083 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้จาก LPG ติดลบ 44,624 ล้านบาท ส่วนบัญชีน้ำมันเป็นบวกอยู่ที่ 6,541 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือ กระแสเงินสดของกองทุนฯ ยังคงเหลืออยู่ประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กองทุน ได้มีการเก็บเงินเข้ากองทุนในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลง เพื่อลดภาระหนี้สิน และเตรียมสำรองไว้สำหรับช่วงที่ราคาผันผวน แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเก็บเงินชดเชยในช่วงที่น้ำมันโลกลดลงทำไม แต่ก็เพราะกองทุน ยังมีหนี้ และต้องกันเงินไว้อุดหนุนในยามวิกฤติ
"การที่มีเงินสดสำรองนี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้กองทุนน้ำมัน มีความยืดหยุ่นในการรับมือกับวิกฤติราคาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้"
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ราคาน้ำมันค่อยๆ ขยับขึ้นและยืดเยื้อ ทำให้ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว ในกรณีนี้ หากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และอิหร่านไม่ยืดเยื้อ หรือหากอิหร่านยังไม่มีการตอบโต้ที่รุนแรง ราคาอาจปรับลดลงมาได้ในภายหลัง
หากย้อนดูสงครามรัสเซีย ยูเครนที่ยืดเยื้อทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งสูงที่ระดับ 120-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งตอนเริ่มสงครามราคาก็ค่อยๆ ขยับขึ้นมาไม่ได้ขึ้นทันที แต่เมื่อสงครามยืดเยื้อก็ทำให้ราคาขยับขึ้นลากยาว ดังนั้น หากสงครามครั้งนี้ไม่ยืดเยื้อไม่น่ากังวลอะไรมากนัก แต่หากยืดเยื้อก็ต้องหารืออย่างเข้มข้น
ดังนั้น กระทรวงพลังงาน จะยังคงติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และพร้อมทบทวนมาตรการดูแลราคาดีเซลอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันปี 2568 แบ่งเป็น 5 ม.ค. ติดลบรวม 75,945 ล้านบาท บัญชีน้ำมันติดลบ 29,009 ล้านบาท
บัญชี LPG ติดลบ 46,936 ล้านบาท
วันที่ 9 ก.พ. ติดลบรวม 70,438 ล้านบาท
บัญชีน้ำมันติดลบ 23,966 ล้านบาท บัญชี LPG ติดลบ 46,472 ล้านบาท
วันที่ 9 มี.ค. ติดลบรวม 64,528 ล้านบาท บัญชีน้ำมันติดลบ 18,343 ล้านบาท บัญชี LPG ติดลบ 46,185 ล้านบาท
วันที่ 6 เม.ย. ติดลบรวม 56,652 ล้านบาท บัญชีน้ำมันติดลบ 10,855 ล้านบาท บัญชี LPG ติดลบ 45,797 ล้านบาท
วันที่ 4 พ.ค. ติดลบรวม 47,779 ล้านบาท บัญชีน้ำมันติดลบ 2,540 ล้าน
บัญชี LPG ติดลบ 45,239 ล้านบาท
วันที่ 6 มิ.ย.
ติดลบรวม 38,083 ล้านบาท บัญชีน้ำมัน (บวก) 6,541 ล้านบาท
บัญชี LPG ติดลบ 44,624 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







