“คลัง” ถก "เนต้า" ยืดเวลาผลิตชดเชย ใช้เกณฑ์ EV3.5 แลกผลิตเพิ่ม

เนต้า เผชิญความท้าทายทางการเงินในจีน แต่ยังยืนยันไทยเป็นฐานสำคัญ
บอร์ด EV พิจารณาให้เนต้าใช้สิทธิเข้าร่วมมาตรการ EV 3.5 เพื่อขยายเวลาการผลิตชดเชยไปจนถึงปลายปี 2570
บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน กำลังเผชิญกับสถานการณ์ความท้าทายทางการเงินและแรงกดดันในการปฏิบัติตามเงื่อนไขการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาแนวทางยืดหยุ่นเพื่อช่วยเหลือเนต้าให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นที่จะประคับประคองอุตสาหกรรม EV ในประเทศ
ในช่วงที่ผ่านมา เนต้าได้เผชิญกับข่าวลือเกี่ยวกับการขาดสภาพคล่องของบริษัทแม่ Hozon Auto ในจีน ถึงขั้นมีกระแสข่าวล้มละลาย อย่างไรก็ตาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยชี้แจงว่ากรณีพิพาทหนี้สินกับ Yuxing Advertising เป็นเพียงกระบวนการทางกฎหมายปกติในการตรวจสอบความสามารถในการชำระหนี้ ไม่ใช่การยื่นขอล้มละลาย
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิต กำลังติดตามปัญหาของเนต้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งในกรณีที่บริษัทอาจไม่สามารถก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศได้ตามเงื่อนไขของ มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV 3.0) มิฉะนั้นจะต้องคืนเงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลและดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติกับทุกค่ายรถยนต์อย่างเท่าเทียมกัน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า ตามเงื่อนไขมาตรการ EV3.0 ที่เนต้าเข้าร่วม และได้นำเข้ารถอีวีมาขายในประเทศไทยนั้น กำหนดให้เนต้าต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยในไทย 1.5 เท่าของยอดรถที่เข้าร่วมมาตรการ หรือประมาณ 19,000 คัน ภายในสิ้นปี 2568
โดยกรมสรรพสามิตได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นจะมีการรายงานต่อคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เพื่อหาทางแก้ไขปัญหานี้และช่วยประคับประคองอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโดยรวม โดยมีความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) ใช้สิทธิเข้าร่วมมาตรการ EV 3.5 ซึ่งจะช่วยขยายเวลาการผลิตรถชดเชยออกไปจนถึงปลายปี 2570
อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมมาตรการ EV 3.5 มาพร้อมเงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้น โดยยอดผลิตรถชดเชยจะเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่าและจะ ไม่ได้รับเงินอุดหนุน จากรัฐบาลจนกว่าจะผลิตได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้จะยังคงได้รับสิทธิลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2%
“ทางเลือกนี้จะช่วยประคับประคองอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวม เนื่องจากหากมีบริษัทใดบริษัทหนึ่งปิดกิจการในขณะนี้ จะส่งผลเสียและทำลายภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบ ทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นต่อรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมาตรการอีวีที่รัฐบาลออกมา”
ทั้งนี้ มาตรการจ่ายเงินอุดหนุนและลดภาษีให้ผู้ประกอบการอีวีนั้น มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเติบโต โดยให้ผู้ประกอบการนำเงินไปลงทุนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และจ้างงานในไทยเป็นสำคัญ
แหล่งข่าวระบุว่า ในวันนี้ (13 มิ.ย.) กลุ่มดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเนต้า มีกำหนดเดินทางไปกรมสรรพสามิตเพื่อหารือและขอแนวทางดูแลจากปัญหาดังกล่าว