แก้เกณฑ์ ‘พิโกไฟแนนซ์’ ปล่อยกู้ข้ามจังหวัด ‘TDRI’ เตือน ‘รายย่อย’ เสี่ยงล้ม

แก้เกณฑ์ ‘พิโกไฟแนนซ์’ ปล่อยกู้ข้ามจังหวัด  ‘TDRI’ เตือน ‘รายย่อย’ เสี่ยงล้ม

การเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนรายย่อยในระดับท้องถิ่นการกู้ยืมเงินจากผู้ประกอบการ “พิโกไฟแนนซ์” ถือว่าเป็นอีกกลไกสำคัญในการปล่อยกู้เงินให้กับประชาชนรายย่อยใน ระดับอำเภอ และตำบล

KEY

POINTS

  • "คลัง" ออกใบอนุญาต “พิโกไฟแนนซ์” เริ่มเปิดบริการปี 2560 มียอดปล่อยสินเชื่อสะสมแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท สินเชื่อคงค้างกว่า 7 พันล้านบาท
  • ปัจจุบัน “ผู้ขอคืนใบอนุญาต” พิโกไฟแนนซ์สะสม จำนวน 106 ราย
  • เตรียมปรับเงื่อนไขในการขยายพื้นที่การปล่อยกู้ออกต่างจังหวัด
  • "TDRI" เตือนการขยายพื้นที่อาจทำให้พิโกไฟแนนซ์ต้องรวมกันเป็นรายใหญ่ ส่วนรายย่อยจะต้องปิดกิจการไปบางส่วน
     

การเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนรายย่อยในระดับท้องถิ่นการกู้ยืมเงินจากผู้ประกอบการ “พิโกไฟแนนซ์” ถือว่าเป็นอีกกลไกสำคัญในการปล่อยกู้เงินให้กับประชาชนรายย่อยใน ระดับอำเภอ และตำบล โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ออกใบอนุญาต และกำกับดูแล มีการกำหนดเงื่อนไขให้ปล่อยกู้ในพื้นที่ โดยปล่อยกู้ได้สูงสุด 50,000 บาทต่อราย เก็บอัตราดอกเบี้ยได้สูงสุด 36% ต่อปี

ตั้งแต่มีการเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2560 มีผู้ประกอบการที่ขออนุญาตจากกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมียอดปล่อยสินเชื่อสะสมแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท สินเชื่อคงค้างกว่า 7 พันล้านบาท
 

อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และระดับหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง ส่งผลต่อการชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยของผู้กู้เงิน ทำให้มีรายงานข่าวว่าในขณะนี้มีผู้ประกอบการที่ได้ใบอนุญาตขอคืนใบอนุญาตให้กับกระทรวงการคลังรวมกันกว่า 100 ราย

โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเตรียมที่จะมีการปรับเงื่อนไขในการขยายพื้นที่การปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการเพื่อแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ ขณะที่มุมมองของนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการขยายพื้นที่อาจทำให้พิโกไฟแนนซ์ต้องรวมกันเป็นรายใหญ่ขณะที่รายย่อยจะต้องปิดกิจการไปบางส่วน

“คลัง” แจงผู้จดทะเบียนใหม่มากกว่าผู้เลิกธุรกิจ

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานถึงกรณีผู้ประกอบธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ มีปัญหาหนี้เสีย (NPL) จำนวนมาก และได้ทยอยคืนใบอนุญาตไปบางส่วน ซึ่งได้มีการตรวจสอบแล้วว่าที่ผ่านมา มีทั้งผู้ที่ขอใบอนุญาตใหม่ และคืนใบอนุญาตโดยในภาพรวมผู้จดทะเบียนใหม่มีจำนวนมากกว่า
 

โดยตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมาจนถึงเดือนมิ.ย.2568มี “ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตใหม่” พิโกไฟแนนซ์สะสมตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 จำนวน 1,414 ราย และมี “ผู้ขอคืนใบอนุญาต” พิโกไฟแนนซ์สะสม จำนวน 106 ราย

โดยหากดูข้อมูลในแต่ละปี ในปี 2566 มีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตใหม่ 47 ราย มีผู้ขอคืนใบอนุญาต 18 ราย และในปี 2567 มีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตใหม่ 40 ราย มีผู้ขอคืนใบอนุญาต 22 ราย

ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2568 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสม จำนวนทั้งสิ้น 5,081,240 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 50,066.09 ล้านบาท โดยเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง 393,010 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 7,429.15 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการแก้ไขหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ให้บริการ “พิโกไฟแนนซ์” สามารถปล่อยกู้ข้ามจังหวัดได้ หรือปล่อยกู้ได้ในหลายจังหวัด เพื่อทำให้เกิดการกระจายของการให้บริการพิโกไฟแนนซ์ได้มากยิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้

“ทีดีอาร์ไอ” ชี้สะท้อน ศก.เปราะบาง

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงสถานการณ์การที่ผู้ให้บริการฟิโกไฟแนนซ์มีการขอยื่นขอคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลายรายนั้น สะท้อนความเปราะบางทางด้านเศรษฐกิจ เพราะพิโกฯ เน้นการปล่อยสินเชื่อให้เข้าถึงรายย่อย จึงแปลว่ารายย่อยน่าจะมีปัญหาหมุนเงินกันไม่ทันมากสะท้อนถึงปัญหาในระดับเศรษฐกิจฐานราก

อย่างไรก็ตามในส่วนการผ่อนคลายเกณฑ์ให้มีการปล่อยกู้แบบข้ามจังหวัดจะทำให้โครงสร้างตลาดเปลี่ยนไป คือ ไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจพิโกไฟแนนซ์รายย่อยๆ อยู่รอด แต่จะเป็นการสร้างสภาพการแข่งขันให้พิโกไฟแนนซ์ต้องต่อสู้กัน และรวมตัวเป็นรายใหญ่ถึงจะรอด นั่นคือ ต้องมีธุรกิจรายเล็กในธุรกิจนี้ล้มหายตายจากไปอีก

“ในมุมมองของผม มองว่าเกณฑ์การปล่อยกู้ข้ามจังหวัดเหมือนเป็นข้อจำกัดในเชิงพื้นที่ ซึ่งในอดีตน่าจะทำให้ธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ ได้มีอำนาจเหนือตลาดเชิงพื้นที่ ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ และส่งสัญญาณการสร้างความชำนาญเฉพาะทางให้เข้าใจลูกค้ารายพื้นที่ได้ดี” นายนณริฏ กล่าว

ปล่อยข้ามจังหวัดโครงสร้างธุรกิจเปลี่ยน

นายนณริฏ กล่าวต่อว่า แม้การผ่อนคลายเกณฑ์มักจะทำเมื่อธุรกิจเริ่มตั้งหลักได้ จะเป็นการสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถต่อยอดออกนอกพื้นที่ สร้างการแข่งขันเพื่อการพัฒนา อย่างไรก็ดี ปัญหาในปัจจุบัน คือ ธุรกิจพิโกไฟแนนซ์เริ่มเผชิญกับปัญหาหนี้เสีย ซึ่งอาจจะไม่สามารถอยู่รอดได้แม้แต่ในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งอาจจะเพราะว่ามีข้อจำกัดในพื้นที่จึงดำเนินธุรกิจได้ยาก

ดังนั้น การผ่อนคลายเกณฑ์อาจจะนำไปสู่ดุลยภาพที่ธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ต้องมีขนาดใหญ่มากขึ้นเพื่อครองตลาดให้ได้มากขึ้น แต่กระนั้นก็ตาม ปัญหาในธุรกิจน่าจะเกิดขึ้นในทุกพื้นที่คล้ายๆ กัน ทำให้การขยายพื้นที่ไม่อาจจะลดความเสี่ยงเชิงพื้นที่ได้เพราะความเสี่ยงมีลักษณะที่เหมือนๆ กัน ซึ่งมาจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ ซึ่งอีกแง่หนึ่งการขยายเขตอาจจะดีก็ได้เพราะทำให้ธุรกิจสามารถยกระดับเพื่อความอยู่รอด

ส่วนการช่วยเหลือฟิโกไฟแนนซ์ในด้านอื่นๆ ที่รัฐบาลสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย เช่น การพัฒนาในเรื่องของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) เพื่อให้สามารถปล่อยกู้ให้ได้ดีขึ้น และพิจารณาปรับปรุงกฎหมายให้กระบวนการติดตามหนี้ทำได้ดีมากขึ้นซึ่งจะจูงใจให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์