เงินเฟ้อพ.ค.ลงต่อเนื่อง ไร้เงินฝืด พาณิชย์ หั่นเป้าเงินเฟ้อปี 68 อยู่ที่ 0.0 – 1.0 %

เงินเฟ้อพ.ค.ลงต่อเนื่อง ไร้เงินฝืด พาณิชย์ หั่นเป้าเงินเฟ้อปี  68 อยู่ที่ 0.0 – 1.0 %

สนค. เผย เงิน เฟ้อเดือน พ.ค.68 ติดลบ 0.57  % ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ผลจากราคาผักสด ผลไม้สด พลังงานลง  คาดแนวโน้ม เดือนมิ.ย.ปรับเพิ่มขึ้น ไร้สัญญาณเงินฝืด พร้อมปรับคาดการเงินเฟ้อทั้งปี อยู่ที่ 0.0 – 1.0 % ค่ากลาง 0.5 %

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า 
เงินเฟ้อเดือน พ.ค.68  เท่ากับ 100.40 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ 0.57  %  เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2  โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด และผลไม้สด จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย

รวมทั้งมีการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเบนซิน ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก เฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค. – พ.ค.) สูงขึ้น 0.48  %

ทั้งนี้เงินเฟ้อเดือนพ.ค.ที่ติดลบ 0.57  % มาจากหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.51  % จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว น้ำยาระงับกลิ่นกาย แป้งผัดหน้า) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยารีดผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม) และเสื้อผ้า (เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดบุรุษและสตรี)

ขณะที่มีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน น้ำมันดีเซล ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และค่าถ่ายเอกสาร

เงินเฟ้อพ.ค.ลงต่อเนื่อง ไร้เงินฝืด พาณิชย์ หั่นเป้าเงินเฟ้อปี  68 อยู่ที่ 0.0 – 1.0 %

ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น0.89  % จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (เนื้อสุกร ปลานิล ปลาทู) กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม) กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเหนียว ขนมอบ) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) กะทิสำเร็จรูป) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน น้ำตาลทรายแดง)

อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผักสด (ถั่วฝักยาว ต้นหอม พริกสด ผักชี ผักคะน้า) ผลไม้สด (ส้มเขียวหวาน มะม่วง องุ่น แตงโม) ไข่ไก่ และไก่ย่าง

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน  เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 1.09  %  เร่งตัวขึ้นจากเดือนเม.ย. 2568 ที่สูงขึ้น 0.98 %และรวม 5 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) เพิ่มขึ้น 0.95%

 เงินเฟ้อที่ลดลง 2 เดือนติดต่อกัน ยังไม่พบว่ามีสัญญาณเงินฝืด เพราะสินค้ายังมีการขึ้นลงปกติ ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน มิ.ย.2568 จะพลิกกลับมาเป็นบวก แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ 0.2-0.4%  ส่วนเงินเฟ้อไตรมาส 2 คาดว่าจะติดลบ 0.1-0 %  ไตรมาส 3 พลิกกลับมาอยู่ที่ 0.1-3  %และไตรมาส 4 อยู่ที่ 0.7-0.9 % ”นายพูนพงษ์ กล่าว

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า   ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงในเดือนมิ.ย. ได้แก่  ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศปรับตัวลดลงทิศทางเดียวกัน ซึ่งส่งผลต่ออำนาจซื้อของประชาชนให้เพิ่มขึ้น   ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนพ.ค. – ส.ค.ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย  

ฐานของราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น และ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

ส่วนปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น น้ำมันพืช และเนื้อสุกร เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 จากเดิมอยู่ที่ระหว่าง 0.3 – 1.3  % ค่ากลาง0.8%  เป็นระหว่าง 0.0 – 1.0  % ค่ากลาง  0.5 %  โดยมีสมมติฐานจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 1.3-2.3% น้ำมันดิบดูไบ 63-73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 33.5-34.5 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง

ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนเม.ย.2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป
ของไทยลดลง  0.22  %  อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 7 จาก 133 เขตเศรษฐกิจ
ที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว