สงครามราคา EV จีนป่วนตลาดโลก! EVAT แนะ 'บริการ' ดันไทยฮับผลิต

สงครามราคา EV จีนป่วนตลาดโลก! EVAT แนะ 'บริการ' ดันไทยฮับผลิต

EVAT ห่วงสงครามราคารถ EV รอบใหม่! ชี้จีนหั่นราคากระทบตลาดทั่วโลก ย้ำต้องเน้นบริการหลังการขาย ดันสู่ฮับการผลิต

KEY

POINTS

  • ปีที่ผ่านมา ยอดขาย EV ในไทยต่ำกว่าเป้าหมาย และไทยมีการส่งออก EV เป็นทางการครั้งแรก 660 คัน ภาพรวมตลาดยังคงมีทิศทางขาขึ้นจากเป้าหมาย Net Zero แม้จะไม่คึกคักเท่าที่ผ่านมา 
  • นโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ ด้านภาษีกระทบ โดยเฉพาะการปิดประตูกับค่ายจีน แต่ไทยยังไม่กระทบโดยตรงเพราะผลิตเพื่อขายในประเทศ ไม่ได้ส่งออกไปสหรัฐ
  • รัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรม EV มามากแล้ว แต่ทิศทางสู่ 30@30 ยังไกล ผู้ประกอบการควรเน้นบริการหลังการขายมากกว่าการแข่งราคา เพราะการแข่งราคาจะทำให้ "เจ็บด้วยกันทุกคนและตายหมู่ได้"

ประเทศไทยเผชิญความท้าทายบริการหลังการขายแม้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากราคา แม้ตลาดรถยนต์แข่งดุมานานแล้ว โดยผู้ผลิตต้องมีสายป่านยาวพอเพื่อการปรับตัว โดยวงการได้วิเคราะห์ถึงยุคจัดระเบียบเน้นบริการหลังการขายสร้างความเชื่อมั่น

จากราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในจีน ปรับตัวลดลงรับแรงกระเพื่อมหลังจาก “บีวายดี” (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 1 ของโลกในแง่ยอดขายจากจีน ประกาศ “หั่นราคารถยนต์” ครั้งใหญ่ โดยลดราคารถยนต์อีวี และไฮบริดสูงสุดถึง 34% อาจเป็นการเปิดฉาก “สงครามราคารถยนต์อีวี” ครั้งใหม่ในจีน ท่ามกลางความกังวลของอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวม

นายสุโรจน์ แสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดอีวีเริ่มมีความกังวลจากสงครามราคารอบใหม่เริ่มปรับรถราคามาก ค่ายใหญ่ บีวายดีปรับลดราคามากกว่า 30% หลายคนกังวลราคาปรับขึ้น โดยปีที่ผ่านมายอดขายต่ำกว่าเป้า ไทยส่งออกอีวีเป็นทางการครั้งแรก 660 คัน เดือนเม.ย. 68 

โดยทิศทางภาพรวมตลาดอีวีโลกยังขาขึ้น ด้วยมุ่งเป้าหมาย Net Zero แม้ไม่คึกคักเท่าที่ผ่านมา โดยตลาด ICE ตกลง แต่อีวีพอไปได้แต่ไม่โตหวือหวา โดยนโยบายของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิปดีสหรัฐ ไม่ได้มาซึ่งพลังงานสะอาด ดังนั้น นโยบายการปรับขึ้นภาษีจึงกระทบแน่นอน โดยเฉพาะการปิดประตูค่ายจีนที่เป็นรายใหญ่ แต่ไทยยังมาไม่ถึงเพราะผลิตขายในไทย ไม่ได้นำเข้าและส่งสหรัฐ 

ส่วนนโยบายทรัมป์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม ถ้าเราส่งออกไปสหรัฐจะกระทบแน่นอน แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังไม่กระทบ ซึ่งการที่ค่ายรถของจีนปรับราคากว่า 20 รุ่น หั่นราคากว่า 30% ส่วนตัวมองว่าเป็นนโยบายของแต่ละบริษัท หากมาในไทยก็อาจจะกระทบเพราะคู่แข่งน้อยกว่า ซึ่งจีนมีการแข่งขันเดือดมา 3 ปีที่แล้วที่มีค่ายรถกว่า 300 แบรนด์ และตอนนี้เหลือกว่า 100 แบรนด์ ดังนั้น ใครสายป่านยาวกว่าก็อยู่ได้ 

"รัฐบาลจีนผลักดันสูงรวมถึงการขยายสถานีชาร์จและการสวอพแบตเตอรี่ที่สามารถจอดและเปลี่ยนได้ทันที มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบขยายระยะทาง (REEV) เพื่อให้ระยะทางไปได้เร็วขึ้น ซึ่ง REEV มีการปั่นไฟได้เอง"

โดยสัดส่วนการใช้อีวีในจีนเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมายังไม่เยอะ ปัจจุบันน่าจะเกือบ 50% แล้ว การพัฒนา REEV ขึ้นมาจะช่วยเพิ่มการใช้งานได้อีกเยอะ ดังนั้น การแข่งขันเทคโนโลยีและโปรดักส์จะไม่ใช่แค่การหั่นราคาอย่างเดียว จะต้องผลักดันสมาร์ทคาร์เพื่อเกิดการแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันดุเดือดเพราะต้องการระบายสต็อก

ทั้งนี้ การที่ส่งไปยุโรปก็จะติดกำแพงภาษีจึงมาไทย ดังนั้น จึงต้องดูที่การผลิตที่เป็นพวงมาลัยขวาแสดงว่าเป็นการผลิตในไทย ดังนั้น การทำราคาได้คือการผลิตในปริมาณที่สูงจึงทำให้ราคาถูกตามความต้องการให้ลดการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันตามนโยบายรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าตลาดไทยยังเล็ก เพราะหนี้ครัวเรือนที่สูง ตลาดไม่ใหญ่ขึ้นการแข่งขันสูง แต่โชคดีที่ไฮบริดกับอีวีไทยยังไปได้ ปีนี้น่าจะมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น เพราะหลายบริษัทที่ MOU ตามนโยบาย EV3.0 ต้องผลิตชดเชย หากไม่ทำจะถูกปรับคันละ 4 แสนบาท ดังนั้น เมื่อจดทะเบียนภายในปีนี้จะยังได้รับการส่งเสริมคันละ 1.5 แสนบาท ปีนี้ราคาอาจจะลดลง และปีหน้าอาจจะเพิ่มขึ้นได้ 

ดังนั้น สงครามราคาในไทยจะซ้ำรอยจีนหรือไม่ ซึ่งผู้เล่นกลุ่มเดียวกันก็คงไม่แตกต่างกัน ที่น่าดีใจที่รัฐบาลตั้งเป้าเบอร์ 1 ฮับผลิตรถอีวี ซึ่งภาพนี้เป็นจริง ซึ่งค่าย MG ลงทุนในไทย 12 ปี และอีกอีก 7 ค่ายกำลังจะมาลงทุน รวม 8 ราย ผลิตเพื่อส่งออกไปอาเซียน การที่ไทยมีเขตการค้าเสรี (FTA) เพื่อรถที่ผลิตในจีนสามารถลดภาษีนำเข้าได้ ดังนั้น สงครามการค้าจีนส่งผลดีไทยเพราะส่งไปสหรัฐไม่ได้โดยนโยบายภาษีกดดันจึงน่าจะย้ายถิ่นฐานเกิดโอกาสซัพพลายเชน แต่การส่งออกจากไทยจึงไม่เกิดผลจึงเป็นการเปลี่ยนสัญชาติแต่จะทำให้ซัพพลายเชนเติบโตไปได้

"ปกติการตั้งโรงงานในต่างประเทศไหน การจ้างคนงานท้องถิ่นง่ายกว่า หากจีนจะยกครอบครัวมาคงยาก ก็ต้องลดค่าใช้จ่ายจึงจะเป็นการมาจ้างคนไทยและขอลดภาษี ซึ่งการจะเปลี่ยนสัญชาติไทยก็ต้องมาลงทุนร่วมกับคนไทย หลายคนบอกไม่จ้างคนไทยเป็นไปไม่ได้ บอกเขาไม่ปล่อยเทคโนโลยีมาก็ไม่ใช่ เพราะถ้าไม่ปล่อยก็เปลี่ยนสัญชาติไม่ได้ ทำให้คนไทยได้เรียนรู้เทคโนโลยีด้วย" 

นอกจากนี้ หลายคนมองสงครามการค้าทำให้ยอดผลิตตกที่จริงแล้วไม่ใช่ เขาไปเปิดตลาดรัสเซีย เซาส์อีสเอเซีย ที่มีตลาดสูง และไม่อยากให้ตลาดเดิมเสียก็ยังไปยุโรปได้ที่ต้องการการมาตรฐานสูง ไทยจึงต้องอัปเกรดและสกิลบุคลากรให้ได้ แม้ตลาดสงครามราคาจะเลวร้ายอุตสาหกรรมก็ยังบวก

นายสุโรจน์ กล่าวว่า ค่ายรถมีเป้าหมายส่งออกการขายไทยแค่สนับสนุน การมาของทั้ง 8 แบรนด์เพราะเห็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลผ่านบอร์ด EV และบอร์ดต่างๆ ทำให้มั่นใจอีกทั้งรถอีวีที่โตอาจจะเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายคือราคาน้ำมันไทยแพง เพราะดีมานด์ยังมีอยู่ หลายคนเปรียบเทียบไฮบริดเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย แต่อนาคตอีวี 100% ก็จะพัฒนาระยะทางและสถานีชาร์จดีขึ้น

"ถ้าตลาดจะไปสู่เป้า 30@30 สิ่งแรกที่ต้องทำคือปรับหนี้ครัวเรือนจะโตแน่ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เช่น ตอนนี้ขายรถลำบากส่วนใหญ่เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือน หากรัฐเปลี่ยนมาใช้รถอีวีมากขึ้นจะขยายตลาดได้ ดังนั้นรัฐต้องเปลี่ยนก่อน" 

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญของแบรนด์จีนหากต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากค่ายญี่ปุ่นสิ่งสำคัญคือบริการหลังการขาย ซึ่งค่ายจีนสามารถเข้าไปเป็น 1 ใน 5 ของยอดขาย แต่บริการกกลับแย่สุด ดังนั้น การเอางบประมาณเท่ากันมาเสริมบริการหลังการขายจะช่วยขยายตลาดมากกว่า ราคาที่หั่นลงมา 30-40% จากเปิดใหม่เหลือ 7-8 แสนบาท แต่ยอดขายก็ไม่โต เพราะไม่กล้าซื้อหรือคนซื้อไปแล้วยังผิดหวัง คนไทยไม่เกี่ยงที่จะซื้อรถถูก ถ้าเทียบบริการที่มั่นใจคนก็จะมั่นใจมากขึ้น มองแง่บวกประโยชน์ผู้บริโภค

ดังนั้น ภาพตลาดจะเป็นแบบนี้อีกพักใหญ่ ยังไม่เห็นจะเปลี่ยนแปลง หนี้ครัวเรือนยังไม่เปลี่ยน ถ้าคนซื้อมีพลังซื้อมากขึ้นจึงต้องรอรัฐบาล ส่วนตัวการที่สถาบันทางการเงินปฏิเสธสินเชื่อเฉลี่ยยื่น10 ผ่าน 3 เสียหายสุดคือรถกระบะซึ่งซัพพลายเชนมากกว่า 90% จากยอดขายตกครึ่งหนึ่ง ก็กระทบ ที่บอกยอดตกเพราะจีนนำเข้ารถนั้นจริงๆ ไม่ใช่เลยเพราะรถกระบะขายไม่ได้ทำให้เห็นว่าอาชีพคนไทยนั้นฐานรากคือรถกระบะ

ส่วนประเด็นกรณีที่ฝนตกน้ำท่วมแล้วอีวีจะลุยน้ำลุยฝนหรือไม่ เรายังรู้เลยว่าไฟฟ้ากับน้ำไปด้วยกันไม่ได้ ดังนั้น วิศวกรจึงออกแบบให้วิ่งได้ดี มีการทดสอบเอาแบตเตอรี่ไปแช่น้ำลึก 1 เมตร เพื่อให้ผ่านมาตรฐาน VR100 รถอีวีน้ำท่วมแอไม่ต้องปิด คันหน้าหยุดไม่ต้องกลัวน้ำเข้าท่อไอเสียไม่เหมือนรถที่ใช้น้ำมัน 

"ข้อเสนอสะท้อนภาครัฐในการขับเคลื่อนอุตอุตสาหกรรมไทย ที่ผ่านมารัฐสนับสนับสนุนเยอะ ทิศทางจะก้าวสู่ 30@30 ยังไกล จึงฝากผู้ประกอบการหลายครั้งให้เน้นย้ำว่าแผนที่จะหั่นราคาแข่งมาเน้นบริการหลังการขายมากกว่าเพราะแข่งราคาจะเจ็บด้วยกันทุกคนและตายหมู่ได้"