BOI ผ่าแผนดึงลงทุนโค้งสุดท้ายปี 68 ยันแม้โลกผันผวนแต่ไทยมีโอกาส

BOI ผ่าแผนดึงลงทุนโค้งสุดท้ายปี 2568 ย้ำแม้โลกผันผวนแต่ไทยมีโอกาส! ชู "ดิจิทัล-เซมิคอนดักเตอร์" ดาวเด่น" พร้อมโรดโชว์สหรัฐ-ญี่ปุ่น-ไต้หวัน
KEY
POINTS
- การลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสาขาหลัก ๆ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสู่ยุค AI และการเปลี่ยนแปลงซัพพลายเชนโลก
- แผนเดินทางโรดโชว์ต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 อย่างน้อย 3 ประเทศ ซึ่งเป็นตลาดหลักเพื่อดึงดูดนักลงทุน โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น ดิจิทัลและเซมิคอนดักเตอร์
- ไทยพร้อมรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการเป็นซัพพลายเชนให้กับนักลงทุนจากสหรัฐ เป็นโอกาสกระตุ้นการลงทุนให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาส1/2568 จำนวน 822 โครงการ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 431,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของประเทศไทย
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูง ได้แก่
- ดิจิทัล 94,735 ล้านบาท (40 โครงการ)
- อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 87,814 ล้านบาท (122 โครงการ)
- ยานยนต์และชิ้นส่วน 23,499 ล้านบาท (72 โครงการ)
- การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 17,517 ล้านบาท (102 โครงการ)
- ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 13,942 ล้านบาท (81 โครงการ)
- เกษตรและแปรรูปอาหาร 12,719 ล้านบาท (61 โครงการ)
- การท่องเที่ยว 9,261 ล้านบาท (10 โครงการ)
- การแพทย์ 8,034 ล้านบาท (25 โครงการ)
ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 618 โครงการ เพิ่มขึ้น 43% เงินลงทุนรวม 267,664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%
ส่วนการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนไตรมาส1/2568 จำนวน 776 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 582,225 ล้านบาท คาดว่าจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศประมาณ 1.9 แสนล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 43% ของมูลค่าวัตถุดิบทั้งหมด เกิดการจ้างงานคนไทยประมาณ 60,000 ตำแหน่ง และทำให้มูลค่าส่งออกของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 3.9 แสนล้านบาทต่อปี
ขณะที่การออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุดมีจำนวน 660 โครงการ เงินลงทุนรวม 236,778 ล้านบาท
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 นี้ ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนสูง เห็นได้จากในช่วงไตรมาส 1/2568 มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนกว่า 4 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการสถานการณ์การค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไป ยังส่งผลให้เกิดการปรับโครงสร้างซัพพลายเชนของโลกครั้งใหญ่ ส่งผลดีที่จะเป็นโอกาสที่จะมีการลงทุนเคลื่อนย้ายมาในอาเซียนมากขึ้น รวมถึงประเทศไทย
ทั้งนี้ การลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ น่าจะยังมีความต่อเนื่อง จากการปรับโครงสร้างซัพพลายเชนของโลก โดยเฉพาะการลงทุนสาขาหลัก ๆ เช่น ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะก้าวสู่ยุค AI รวมไปถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงแผงวงจร PCB ที่จะมีการตั้งฐานการผลิตใหม่ในไทยอย่างต่อเนื่องใน 2 ปีที่ผ่านมากว่า 2 แสนล้านบาท
ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาตลาดยานยนต์จะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่ในบางกลุ่มก็ยังขยายตัวได้ดี เช่น กลุ่มรถยนต์ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด ที่มียอดขายสูงขึ้น รวมทั้ง BEV ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งญี่ปุ่นและจีน ยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันการลงทุนแบตเตอรีและชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย
“ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 นี้ บีโอไอ เตรียมแผนเดินทางโรดโชว์ต่างประเทศ อย่างน้อย 3 ประเทศที่เป็นตลาดหลัก ประกอบด้วย สหรัฐ ญี่ปุ่น และไต้หวัน เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล และเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น”
สำหรับการเดินทางโรดโชว์ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเริ่มต้นในเดือนมิ.ย. 2568 โดยบีโอไอและคณะจะเดินทางไปไต้หวัน เพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มในกลุ่มเทคโนโลยี ต่อด้วยญี่ปุ่น ในเดือนส.ค. 2568 เพื่อพบปะนักลงทุนของญี่ปุ่น และส่งท้ายด้วยการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ในเดือนก.ย. 2568 โดยเน้นการดึงดูดการลงทุนในกลุ่มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงและดิจิทัล
“ในการเดินทางไปสหรัฐช่วงเดือนก.ย.นั้น จะได้หารือกับนักลงทุนต่อเนื่อง หลังจากในช่วงหลังสงกรานต์ที่ได้ไปพบกับนักลงทุนรายใหญ่ และสมาคมธุรกิจชั้นนำ โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทุกคนพูดตรงกันซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ยาว ไม่มีทางที่จะลดลงได้ และสหรัฐก็ยังต้องการพึ่งพาซัพพลายเชนนอกสหรัฐและอาเซียนก็เป็นพื้นที่สำคัญ ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงที่จะรองรับการลงทุนด้านนี้”
นายนฤตม์ กล่าวว่า ในการผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นั้น เชื่อว่า ประเทศไทยพร้อมรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าว และยังมีบทบาทมากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเป็นซัพพลายเชนที่สำคัญของนักลงทุนจากสหรัฐได้ และจะเป็นโอกาสในการกระตุ้นการลงทุนให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง







