Citi ชี้ไทยมีศักภาพตั้ง ‘Entertainment Complex’ 5 แห่ง ดึงลงทุนกว่า 6.5 แสนล้าน

นักวิจัย Citi Research ชี้ศักยภาพไทยสร้างสถานบันเทิงครบวงจร 5 แห่งในหัวเมืองท่องเที่ยว ดึงลงทุนกว่า 6.5 แสนล้านบาท สร้างรายได้รัฐปีละ 5.6 หมื่นล้านบาท ระบุหากกฎหมายจำกัดเงื่อนไขคนไทยเข้าต้องมีเงินฝาก 50 ล้านบาท จะเป็นอุปสรรคลงทุนและไม่สามารถเกิดขึ้นจริง
การเดินหน้าโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในประเทศไทยกำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในสังคม ซึ่งปัจจุบันคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เสนอยกร่างกฎหมายเข้าสู่กระบวรการรัฐสภาแล้ว และคาดว่าจะเริ่มมีการพิจารณาวาระแรกภายในเดือนก.ค.นี้
“กรุงเทพธุรกิจ“ นำเสนอมุมมองจากนักวิจัยในอุตสาหกรรมเกมมิ่งและธุรกิจ Integrated Reosrts (IRs) ภายในงานเสวนาโต๊ะกลม “Thai Entertainment Complex Roundtable” จัดโดย Inside Asian Gaming เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2568 ณ ห้องแกรนด์ บอลลูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ
“จอร์จ ชอย” หัวหน้างานวิจัยเกมระดับโลก Citi Research กล่าวว่า งานวิจัยของ Citi Research มีการตั้งสมมุติฐานว่าไทยมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรหรือรีสอร์ตครบวงจร (IRs) มายังพื้นที่หัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ 5 แห่ง เช่น เชียงใหม่ กรุงเทพ พัทยา ภูเก็ต ซึ่งจะสามารถดึงดูดการลงทุนได้ราว 18,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 657,000 ล้านบาท
โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ในภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ที่ลงทุนไปแล้วกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์และมาเก๊าที่ลงทุนเกิน 50,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยมองว่าโครงการที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ อาจมีการลงทุนสูงถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 219,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ สถานบันเทิงครบวงจรจะเป็นแม่เหล็กดึงดูด นักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง ดังเช่นกรณีของสิงคโปร์ที่จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังเปิด IRs ทั้งสองแห่ง โดย IRs เป็นศูนย์รวมของโรงแรมหรู, ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์, ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า (MICE) รวมถึงการจัดกิจกรรมความบันเทิงและกีฬาระดับโลก
ทั้งนี้ เมื่อการเล่นเกมถูกกฎหมาย รัฐบาลจะมีแหล่งรายได้ใหม่จากภาษีเกม ซึ่งคาดว่าจะเก็บในอัตรา 17% ของรายได้รวมจากเกม (GGR) ทำให้รัฐบาลไทยมีรายได้จากภาษีส่วนนี้ประมาณ 56,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ภาษีสรรพสามิตจากสุราที่เก็บได้ในปีงบประมาณ 2566-2567
ขณะเดียวกัน จะสร้างงานทั้งทางตรงรวมกว่า 35,000 - 50,000 ตำแหน่ง และงานทางอ้อม อาทิ แรงงานก่อสร้าง ซัพพลายเออร์ การตลาด และผู้จัดงาน เป็นต้น
“สิ่งที่เกิดขึ้ในสิงคโปร์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน โดยก่อนเปิด Integrated Resort (IRs) สิงคโปร์มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 8.6 ล้านคนต่อปี หลังจาก IRs เปิด ในปี 2553 การมาเยือนเพิ่มขึ้นทันที 20% และในปี 2554 เพิ่มขึ้น 13% ซึ่งในช่วง 10 ปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี และทำสถิติสูงสุดในปี 2562”
โครงการ IRs ในสิงคโปร์ได้กลายเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนและประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก อีกทั้ง ยังมีรายได้ภาษีส่วนใหญ่มาจากการเข้าไปเล่นการพนัน 80-90% และข้อมูลช่วงเดือนพ.ย.67 รายงานว่า 20% เป็นรายได้ที่ไม่ได้มาจากการพนัน ซึ่งเราประเมินว่า IR จะสามารถเสริมสร้างความหลากหลายในการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่แล้ว เพราะในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยกว่า 35 ล้านคน
ขณะเดียวกัน การทำให้เกมมิ่งถูกกฎหมายและควบคุมอย่างเข้มงวดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับการพนันผิดกฎหมาย และแม้การพนันผิดกฎหมายจะมีอยู่ แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะเลือกคาสิโนที่ถูกกฎหมายมากกว่า เพราะในคาสิโนที่ถูกกฎหมาายผู้เล่นรู้สึกปลอดภัยกว่า เช่น เกาหลี มีรายได้จากการเล่นพนันผิดกฎหมายลดลงเหลือเพียง 5%
ดีลส่อล่ม หากจำกัดคนไทยเล่น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เป็นข้อกังวลและอาจเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ ข้อจำกัดในการเข้าถึงของคนไทย นายจอร์จ ชอย ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าโมเดลการประมาณการรายได้ของ Citi Research นั้น ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าจะต้องมีลูกค้าท้องถิ่นจำนวนมาก โดยสมมุตฐานที่วางไว้คือกว่า 50% ของผู้ที่มีอายุเกิน 20 ปี จะเข้าใช้บริการ
“การลงทุนจะเป็นไปไม่ได้ และการสร้างข้อจำกัดไม่ที่เข้มงวดเกินไปของคนในประเทศจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการดึงดูดการลงทุน และ IRs อาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างที่คาดหวัง”
นายจอร์จ ชอย กล่าวว่า ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของสถานบันเทิงครบวงจรที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด หากแต่ความสำเร็จทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับการกำหนดนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนและตอบสนองต่อความเป็นจริงของตลาด
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายปัจจุบันที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระบุว่าคนไทยจะเข้าคาสิโนได้ก็ต่อเมื่อมีเงินฝากในบัญชีส่วนตัวมากกว่า 50 ล้านบาท เป็นเวลามากกว่า 6 เดือน ซึ่งหมายความว่ามีคนไทยเพียงประมาณ 10,000 คนเท่านั้นที่เข้าข่ายเงื่อนไขนี้







