‘เครือข่าย’ กับ ‘ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม’ | ผู้นำยุคสุดท้าย

หลายๆ โครงการของภาครัฐ (รวมทั้งโครงการใหญ่ๆ ของภาคเอกชนด้วย) มักจะไม่สามารถที่จะดำเนินการจนสัมฤทธิ์ผลได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงหน่วยงานเดียว
แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานหลายองค์กร (ที่มีเป้าประสงค์เดียวกัน) ด้วยการสร้าง “เครือข่ายทางยุทธศาสตร์”
“เครือข่ายทางยุทธศาสตร์” (Strategic Network) คือ การออกแบบความร่วมมือระหว่างองค์กรหรือภาคส่วนต่างๆ อย่างมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ โดยมีการบูรณาการทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และอิทธิพลเชิงนโยบาย เพื่อผลักดันภารกิจหรือวิสัยทัศน์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น การขยายตลาด การสร้างนวัตกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือการยกระดับขีดความสามารถในการให้บริการสาธารณะ
“เครือข่ายทางยุทธศาสตร์” จึงเป็นการรวมตัวกันขององค์กร หน่วยงาน หรือภาคส่วนต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมายร่วมในระยะยาว โดยเน้นความร่วมมือที่เป็นระบบ เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างนวัตกรรม หรือการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ
ทุกวันนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ โครงการด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศมีความเข้มแข็ง ก็คือ การพัฒนาทางด้านภาคอุตสาหกรรม เมื่อมีการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม นอกจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
โดยเฉพาะปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน ซึ่งนำไปสู่การต่อต้านภาคอุตสาหกรรม เช่น มีการร้องเรียน มีการชุมนุมต่อต้านโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
กรณีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ริเริ่มโครงการ “การสร้างเครือข่ายยุทธศาสตร์ด้านธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม” เมื่อปี 2550 โดยให้ “สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี” ดำเนิน “โครงการธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม” ของโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อจัดทำ “เกณฑ์การประเมินการมีธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ดี”
เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลให้กับอุตสาหกรรมทุกจังหวัดทั่วประเทศดำเนินการต่อไป เพื่อสร้างให้โรงงานต่างๆ มีจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบและนำหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมไปใช้ในการประกอบกิจการเพื่ออยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างสงบสุข
วัตถุประสงค์ของโครงการนี้ ได้แก่ (1) โรงงานมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย (2) โรงงานและชุมชนมีจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกันโดยอาศัยการยึดหลักธรรมาภิบาล (3) ชุมชนมีความรู้และรับรู้ข่าวสารของโรงงานอย่างโปร่งใสชัดเจน
(4) ภาพรวมของสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของจังหวัดดีขึ้น (5) สร้างชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ให้เป็น “เครือข่ายทางยุทธศาสตร์” ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และ (6) นำโครงการต้นแบบไปขยายผลให้ทุกอุตสาหกรรมจังหวัดดำเนินการ
ในปี 2550 กระทรวงอุตสาหกรรมได้ริเริ่ม “โครงการอาสาอย่างมืออาชีพ” ขึ้นเป็นการภายในและกระจายแนวทางดำเนินการสู่ภาคเอกชนในเวลาต่อมา จังหวัดปทุมธานีได้รับนโยบายโดยอาสาเป็น “จังหวัดนำร่อง” เพื่อนำไปขยายผล 3 โครงการ
คือ (1) โครงการอาสาสมัตรบรรเทาเหตุฉุกเฉินของ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (2) โครงการไตรภาคีแก้ไขข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อมของ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และ (3) โครงการเชิงรุกของสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ของกลุ่มโรงงานในสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ต.บางกะดี อ.เมืองปทุมธานี
“โครงการเชิงรุกของสวนอุตสาหกรรมบางกะดี” คือ จุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายทางยุทธศาสตร์ในเรื่อง “ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม” โดยเริ่มจากความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาข้อร้องเรียนของประชาชนเรื่องสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องอันได้แก่ (1) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี (2) บริษัท สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จำกัด และ (3) เทศบาลตำบลบางกะดี ได้ร่วมกันจัดทำโครงการเชิงรุกของสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ขึ้นเมื่อกลางปี 2550
กิจกรรมที่ร่วมกันดำเนินการ ได้แก่ (1) สร้างเครือข่ายทางยุทธศาสตร์ของภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น ชุมชน (2) ปลูกจิตสำนึกและความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (3) ส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย (4) ภาครัฐร่วมกับภาคเอกชนและท้องถิ่นร่วมกันตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(5) ให้ความรู้ความเข้าใจและข้อแนะนำในการแก้ไขปรับปรุงโรงงาน (6) ประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนและสร้างการมีส่วนร่วมกรณีเกิดปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข (7) ให้ความรู้ความเข้าใจระบบ “ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม” และ (8) การประกาศความพร้อมเข้าสู่ระบบ “ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม” ของผู้ประกอบกิจการโรงงานในพื้นที่โครงการ
ผลสัมฤทธิ์ของโครงการนี้ ก็คือ กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถประกาศเกณฑ์การประเมินการมีธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ดีของโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2551 ได้แก่ (1) ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร (2) ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
(3) ความโปร่งใส (4) ความรับผิดชอบต่อสังคม (5) นิติธรรม (6) ความยุติธรรม และ (7) ความยั่งยืน โดยมีสวนอุตสาหกรรมบางกะดี เป็น “โครงการนำร่อง” ซึ่งน่าจะเป็นหน่วยงานแรกๆ ของ “ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมในบ้านเรา”
โครงการนี้ได้แสดงให้เห็นถึง วิธีการสร้างเครือข่ายทางยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นศูนย์กลางความร่วมมือของหน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ที่มี “เป้าประสงค์” เดียวกัน (ในระยะยาว) ซึ่งสามารถเกิดผลสัมฤทธิ์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพได้จริง
กรณีศึกษาข้างต้น ได้ข้อสรุปว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จของการสร้างเครือข่ายทางยุทธศาสตร์ ก็คือ “การบูรณาการวิธีคิดวิธีทำงานร่วมกัน” ของทุกหน่วยงาน บนพื้นฐานของ “ความไว้วางใจกัน” อย่างแท้จริง ครับผม !







