ราคาน้ำมันดิบลดลง กังวลสงครามภาษีกระทบเศรษฐกิจโลก น้ำมันล้น

ราคาน้ำมันดิบ ลดลงวันพุธหลังขึ้นแรงวันอังคาร ขณะการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มขึ้นและความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรกระทบเศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อแนวโน้มราคาน้ำมัน
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบ วันพุธ (4 มิ.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงในวันพุธ จากการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) และความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจากความตึงเครียดด้านสงครามภาษีศุลกากร
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ล่วงหน้า ลดลง 77 เซ็นต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 64.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (ราคาน้ำมันWTI) ปิดที่ 62.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 56 เซ็นต์ หรือ 0.88%
อัปเดตราคาน้ำมันดิบเช้านี้ (5 มิ.ย.)
บลูมเบิร์ก รายงาน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนสิงหาคมร่วงลง 0.2% เหลือ 64.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 8.27 น. ตามเวลาในสิงคโปร์ ส่วน ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนกรกฎาคมร่วงลง 0.3% เหลือ 62.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมัน ในทั้งสองตลาดปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 2% ในวันอังคาร สู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันจากไฟป่าในแคนาดา และคาดการณ์ว่าอิหร่านจะปฏิเสธข้อเสนอข้อตกลงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่รายนี้
“แม้จะมีความกลัวต่ออุปทานของแคนาดาและการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐที่หยุดชะงัก แต่ตลาดน้ำมันก็ยังคงดิ้นรนที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของราคาไว้” สึโยชิ อุเอโนะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของสถาบันวิจัย NLI กล่าว และเสริมว่าการเพิ่มการผลิตของ OPEC+ กำลังปิดกั้นด้านขาขึ้น
อุเอโนะกล่าวว่าความหวังสำหรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนถูกบดบังด้วยการเทขายทำกำไร เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างจากกำแพงภาษีศุลกากร
สงครามภาษียังตึงเครียด
คาโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐและ สี จิ้นผิง ผู้นำจีนน่าจะโทรศัพท์คุยกันในสัปดาห์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทรัมป์กล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงในการยกเลิกภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้า
ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์กดดันคู่ค้าของสหรัฐให้เสนอข้อเสนอที่ดีที่สุดภายในวันพุธ การเจรจาที่ยืดเยื้อและกำหนดเส้นตายที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกลง เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าของทรัมป์ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ไฟป่าหลายระลอกได้ลุกลามไปทั่วแคนาดาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพหนี และการผลิตน้ำมันดิบในประเทศหยุดชะงัก
แหล่งข่าวในตลาดกล่าวโดยอ้างตัวเลขของสถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกา (American Petroleum Institute) เมื่อวันอังคารว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 พฤษภาคม สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล และสต๊อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นประมาณ 760,000 บาร์เรล
การสำรวจนักวิเคราะห์ 9 รายของรอยเตอร์สประเมินว่าสต็อกน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลคลังสำรองน้ำมันอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) จะมีขึ้นในวันพุธ







