กองทุนบัตรทอง - รพ.ขาดทุนโจทย์ที่ “บิ๊กโฟร์” ต้องตีให้แตก

เสียงจากผู้ให้บริการระบบสาธารณสุข ที่สะท้อนว่าอัตราค่าบริการรักษาพยาบาล ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “บัตรทอง” ไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงของสถานพยาบาล โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือนมีนาคม 2568 พบว่ามีโรงพยาบาล 218 แห่ง ที่มีเงินบำรุงติดลบ ส่วนอีก 91 แห่ง มีเงินเหลือน้อยกว่า 5 ล้านบาท และข้อมูลเดือนเมษายน 2568 มี รพ.ที่ไม่ได้รับเงินค่ารักษาผู้ป่วยใน 82 แห่ง จากการเรียกเก็บ 119 ล้านบาท
เพราะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในไม่ครอบคลุมต้นทุนจริง ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยในการรักษาผู้ป่วยในอยู่ที่ประมาณ 13,000 บาทต่อ adjRW แต่ สปสช. จ่ายให้เพียง 8,350 บาทต่อ adjRW ว่ากันว่า เสถียรภาพกองทุนฯ กำลังว่าจะกลายเป็นปัจจัยหนึ่งของภาวะการขาดทุนของโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ
ล่าสุดมีแนวคิดนำบริษัทภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญในการตรวจสอบระบบ และการบัญชีระดับโลก รวม 4 บริษัท ที่เรียกว่ากลุ่ม “บิ๊กโฟร์” ประกอบด้วย 1. บริษัท PricewaterhouseCoopers (PwC)จากประเทศอังกฤษ 2. บริษัท EY (เดิมคือ Ernst & Young) จากประเทศอังกฤษ 3. บริษัท Deloitte Touche Tohmatsu (Deloitte) จากสหรัฐอเมริกา
และ 4. บริษัท KPMG จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เข้ามาตรวจสอบการบริหาร และการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนฯ รวมถึงประสิทธิภาพของการใช้จ่าย และไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่กองทุนบัตรทองเท่านั้น แต่จะพิจารณาถึงทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องไปถึงโรงพยาบาลด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบการจ่ายเงิน การบันทึกบัญชีตามมาตรฐาน รวมถึงประเด็นที่ซับซ้อนที่ทำให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากให้ “สปสช.”นำหน่วยงานภายนอกมาพิจารณาและตรวจสอบตัวเองแล้วหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบจะมี “ความเป็นอิสระ” และ “ความเป็นกลาง” ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหน่วยงานที่ถูกตรวจสอบเป็นผู้ว่าจ้างเอง รวมทั้งจะมีการขยาย “ขอบเขต” ของการตรวจสอบหรือไม่
เพราะปัญหาทางการเงินของโรงพยาบาลรัฐนั้นมีความซับซ้อน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณจากกองทุนบัตรทองเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการบริหารจัดการภายในโรงพยาบาล งบประมาณจากกองทุนอื่น เช่น ประกันสังคมหรือสิทธิข้าราชการ และต้นทุนที่แท้จริงของการรักษา รวมทั้ง จะเป็นได้หรือไม่ที่จะมีการตรวจสอบไปถึงการบริหารจัดการของกระทรวงสาธารณสุขในฐานะผู้ให้บริการรายใหญ่ด้วย เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
หากมีการนำหน่วยงานตรวจสอบระดับโลกอย่าง “บิ๊กโฟร์” เข้ามาประเมินสถานะทางการเงิน และการบริหารจัดการของกองทุนบัตรทอง และโรงพยาบาลจริง ก็เป็นสัญญาณที่ดีต่อการยกระดับ “ธรรมาภิบาล” ในระบบสุขภาพได้ ซึ่งความสำเร็จของภารกิจนี้จะขึ้นอยู่กับการตอบโจทย์ข้อกังวลที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอย่างจริงจัง
การกำหนดขอบเขตการตรวจสอบที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการเงิน ต้นทุนที่แท้จริง การบริหารจัดการของทั้ง สปสช. และหน่วยบริการ รวมถึงการสร้างความมั่นใจในความเป็นอิสระของผู้ตรวจสอบ เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความน่าเชื่อถือ และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเชิงระบบได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การพิสูจน์ว่ากองทุนจะไม่ล่มในอีก 3 ปี แต่เพื่อสร้างความยั่งยืน และคุณภาพของระบบบริการสุขภาพสำหรับประชาชนทั้งประเทศ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







